ชีวิตมนุษย์ของคนนั้นไม่สามารถที่จะเลือกเกิดได้ เพราะบางคนก็เกิดมาในบ้านที่มีฐานะร่ำรวย แต่บางคนก็เกิดมาฐานะครอบครัวที่ยากจน แต่ที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นนั่นก็คือ คนบางคนก็เกิดมาด้วยความไม่สมประกอบ แต่ใครจะไปคิดกันละว่าที่คนไม่สมประกอบคนนั้นจะก้าวมาจนถึงจุด ๆ หนึ่ง ที่ทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของทีมดังอย่าง อินเดียน่า เพเซอร์ โดยชายผู้ที่ไม่สมประกอบคนนั้น เขาก็คือชายผู้เป็นเจ้าของฉายาอย่าง มิลเลอร์ไทม์ หรือ เรจจี้ มิลเลอร์ นั่นเอง
เรจจี้ มิลเลอร์ นั้นถือได้ว่าเป็นเด็กอีกหนึ่งคนที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง
โดยสมาชิกครอบครัวของเขาส่วนใหญ่ล้วนแล้วเป็นนักกีฬาอาชีพกันเกือบทั้งนั้น ซึ่งตัวเขาเองก็ถูกคุณพ่อปลูกฝังให้รักการเล่นกีฬามาตลอด แต่ทว่าโชคชะตามันกลับเล่นตลกกับตัวของเขา เนื่องจากในสมัยเด็ก ๆ นั้น ตัวของ เรจจี้ มิลเลอร์ มีความผิดปกติบริเวณสะโพกจนทำให้ตัวของเขาไม่สามารถที่จะเดินได้ด้วยตัวเอง
แม้ว่าตัวของ เรจจี้ มิลเลอร์ จะพอมีฐานะในการซื้ออุปกรณ์สำหรับช่วยเดินก็ตามที แต่ทว่าด้วยความเป็นเด็กและรายล้อมไปด้วยญาติพี่น้องที่เล่นกีฬากันอย่างสนุกสนาน มันทำให้ตัวของเขารู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมากที่เขาไม่อาจจะออกไปเล่นกีฬาสนุก ๆ กับคนรอบตัวของเขาได้ แต่ถึงเขาจะมีความน้อยใจขนาดไหนก็ตาม พี่สาวของเขาอย่าง เชอรีล ก็ยังไม่เคยห่างเขาไปไหน แถมเธอยังคอยหาสิ่งน่าสนใจมาให้ตัวจอง เรจจี้ อยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง 2 พี่น้องคู่นี้ก็ได้เจอสิ่งที่ที่น่าสนใจเหมือนกันนั่นก็คือ บาสเกตบอล
แม้ว่าพี่สาวของ เรจจี้ มิลเลอร์ จะไม่ได้ชวนเขาออกไปลงสนามก็ตามที
แต่ทว่าเธอก็ยังคงนำเทปการแข่งขัน รวมถึงเล่าความสนุกต่าง ๆ ของการเล่นให้กับเรจจี้ได้ฟังอยู่ตลอด จนทำให้ตัวของ เรจจี้นั่นเกิดความพยายามที่จะเอาชนะจิตใจของตัวเอง จนกระทั่งในที่สุดเขาก็เริ่มเดินได้เหมือนกับเด็กทั่ว ๆ ไปในตอนอายุประมาณ 5 ขวบ
และเมื่อตัวของ เรจจี้ มิลเลอร์ สามารถเดินได้แล้วเขาก็เริ่มทำสิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดหลังจากที่ได้ยิน และ ได้ดูมานานนั่นก็คือ การเล่นบาสเกตบอลนั่นเอง และก็ยังคงเป็นตัวของพี่สาวอย่างเชอรีลเองนี่แหละที่ได้สอนทักษะเบื้องต้นต่าง ๆ ของบาสเกตบอลให้กับเขา แถมตัวของ เรจจี้ ยังต้องเล่นแบบตัวต่อตัวกับพี่สาวของเขาที่ตัวสูงกว่าเป็นเท่าตัว ซึ่งเพราะการดวลกับพี่สาวที่ตัวสูงกว่านี้เองทำให้เขารู้สึกว่า การเล่นบุกเข้าไปวงในคงไม่มีทางที่จะเอาชนะได้ ว่าแล้วเขาก็จึงคิดแผนการเล่นวงนอกหรือการเล่น 3 คะแนนเพื่อที่จะเอาชนะพี่สาวของเขา ซึ่งวิธี้นี้นี่เองที่ทำให้ตัวของ เรจจี้ มิลเลอร์ สามารถเอาชนะพี่สาวของเขาได้ในที่สุด
แรงฮึดในการเอาชนะครั้งนั้นเริ่มทำให้ตัวของ เรจจี้ มิลเลอร์ เริ่มจริงจังกับกีฬาชนิดนี้ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาได้เข้ามาเรียนที่
เวอร์ไซต์ โพลีเทค ซึ่งมันทำให้เขาได้ค้นพบความจริงว่าตัวของเขานั้นมีรูปร่างผอมเกินไป จนทำให้ทั้งโค้ช และ เพื่อน ๆ ร่วมทีมต่างไม่เชื่อว่า เรจจี้ จะกลายเป็นผู้เล่นระดับ Top ในสนามได้จริง ๆ
และแน่นอนว่าสุดท้ายแล้ว เรจจี้ มิลเลอร์ คนนี้ก็ได้ใช้ฝีมือของตัวเองปิดปากของคนที่เคยวิจารณ์รูปร่างของเขาไปโดยปริยายแถมเขาคนนี้ยังได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดัง ๆ อีกมากมาย โดยเขาได้เลือกเรียนต่อที่ยูซีแอลเอ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนําของประเทศ และที่นั่นนี่เองที่ทำให้เขาได้โชว์ให้ทุกคนเห็นถึงทักษะการชู๊ตของเขา จนทำให้เขาคนนี้มีคะแนนรวมเป็นอันดับ 2 ตลอดกาล โดยเป็นรองเพียงแค่ชายอย่าง คารีม อับดุล จาบาร์ อีกหนึ่งตำนานของวงการบาสเกตบอล NBA นั่นเอง
และเนื่องจากความสามารถอันโดดเด่นของ เรจจี้ มิลเลอร์ นี้เองที่ทำให้ในที่สุดในปี 1987 เขาคนนี้ได้ถูกดราฟต์เข้าสู่ NBA เป็นลำดับที่ 11 โดยทีมที่เลือกเขาไปนั่นก็คือทีมอย่างอินเดียน่า เพเซอร์ แต่ใช่ว่าการเลือกเขาเข้าไปในทีมจะเป็นที่พอใจ เพราะว่าบรรดาเหล่า ๆ แฟนของทีมต่างมึนงงว่า เจ้าเด็กคนนี้มันมีดีตรงไหน ถึงขนาดตั้งข้อปรามาสไว้เลยว่า การเลือกเจ้าเด็กคนนี้มาก็ไม่อาจจะที่ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับทีมได้ ซึ่งตัวของ เรจจี้ มิลเลอร์ เองก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเขายังคงทำเหมือนดั่งเช่นที่เขาทำสมัยเด็กนั่นก็คือเงียบและตั้งหน้าทำผลงาน รวมถึงยังฝึกซ้อมให้หนักขึ้น
และแน่นอนว่าตัวของ เรจจี้ มิลเลอร์ เองนั้นก็เล่นทันในยุคของวงการบาสที่ยังมีเทพเจ้าอย่าง ไมเคิล จอร์แดน เล่นอยู่ ซึ่งเขาเองก็อยากจะลองของดูซะหน่อยว่า ชายคนนี้เป็นดั่งเทพเจ้าแห่งวงการหรือไม่ และแน่นอว่าในต้นครึ่งแรกที่ทีมของทั้งคู่ได้ปะทะกัน ตัวของจอร์แดนนั้นทำไปได้เพียงแค่ 4 แต้มในขณะที่เขาทำไปได้แล้วถึง 10 แต้ม
ด้วยความมั่นใจนี้เองจึงทำให้ เรจจี้ มิลเลอร์ เดินเข้าไปพูดกับจอร์แดนแบบโต้ง ๆ ว่า
“คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน ไมเคิล จอร์แดน ผู้ยิ่งใหญ่ยังงั้นเหรอ” เท่านั้นแหละครับคุณผู้อ่าน จอร์แดนก็ได้สอนให้รู้ว่าเทพเจ้าแห่งวงการนี้เขาเล่นกันยังไง เพราะว่าในเกมนั้นตัวของ จอร์แดน นั้นทำคะแนนไปถึง 44 แต้ม ในขณะที่ตัวของ เรจจี้ ในเกมนั้นทำไปได้เพียง 12 คะแนน
แต่ทว่าการดวลกันครั้งนั้นมันกลับกลายเป็นตัวจุดประกายให้กับตัวของ เรจจี้ มิลเลอร์ เพราะมันทำให้เขาได้รู้ว่านอกจากฝีมือแล้ว การมีอิทธิพลต่อทีมนั้นค่อนข้างจะส่งผลต่อเกมการแข่งขัน มันจึงทำให้เขาเริ่มใข้จิตวิทยาในการพูดคุยกกับคู่ต่อสู้ หรือ เรียนกสั้น ๆ ว่า แทชทลอร์ค
ไม่เพียงเท่านั้นตัวของ เรจจี้ มิลเลอร์ เองก็ยังเพิ่มการฝึกยิง 3 คะแนนเพิ่มเติม
จนทำให้เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกันอยู่ที่ตัวคนเดียว ตัวของ เรจจี้ ก็สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงมาได้ และอีก 3 ปีต่อมาหลังจากนั้นตัวของเขาก็กลายเป็นผู้นำจอง เพเซอร์ อย่างแท้จริง ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาปิดฉากเหล่าคนที่ไม่เชื่อใจเขาด้วยผลงานในสนาม
และแล้วในที่สุดตัวของ เรจจี้ มิลเลอร์ ก็ได้นำพาความสำเร็จด้วยการพา เพเซอร์ เข้าสู่รอบเพลย์ ออฟ ซึ่งเป็รประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของทีม แถมเขายังทำให้ทีมนี้กลายเป็นอีกหนึ่งทีมชั้นนำควบคู่กับทีมระดับตำนานซึ่งเป็นไม้เบื่อ ไม้เมาอย่าง นิวยอร์ค นิกส์
ซึ่งการเจอกับ นิวยอร์ค นิกส์ นี้เองที่ทำให้ตัวของ เรจจี้ มิลเลอร์ ได้สร้างตำนานขึ้นมา เพราะเขาคนนี้นี่แหละคือคนที่สามารถทำคนเดียวได้ถึง 8 คะแนนในเวลาเพียงแค่ 8.9 วินาทีเท่านั้น แถมเขายังไป แทรชทอล์คใส่ สไปค์ ลี ผู้กำกับหนังชื่อดังที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของ นิวยอร์ค นิกส์ พร้อมกันนั้นเขายังทำท่า บีบคอให้ผู้กำกับคนนี้ดูหลังจากโชว์ความสามารถสุดเหลือเชื่อนี้อีกด้วย dunkswin9
เครดิต : สล็อตเว็บตรง