เราเชื่อว่าตอนนี้หลาย ๆ คนน่าจะรู้สึกสนุกไปกับการแนะนำประวัติศาสตร์ของทีมต่าง ๆ ของ NBA กันแล้ว ซึ่งหลา ๆ คนเองก็ยังคงติดตามว่าประวัติของทีมรักตัวเองจะมาเมื่อไหร่ หรือ เรื่องราวของแต่ละทีมที่ตัวเองจะตามอยู่นั้นจะมีเรื่องราวต่อไปอย่างไร
ซึ่งตอนนี้เราก็มาถึงกับอีกหนึ่งทีมที่ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของนักบาสที่หลาย ๆ คนต่างก็ยกให้เขาเป็นเบอร์ 1 ของ NBA ต่อจากไมเคิล จอร์แดน โดยชายคนนั้นก็คือ เลบรอน เจมส์ และอย่างที่หลาย ๆ น่าจะพอทราบกันว่าจุดเริ่มต้นเส้นทางของเขานั่นก็คือทีมอย่าง Cleveland Cavaliers ซึ่งทีมนี้จะมีประวัติศาสตร์เป็นอย่างไรก่อนที่จะเริ่มเดินหน้าไปกับตัวของ คิง เจมส์ เอาเป็นว่าเราไปเริ่มต้นกันที่จุดเริ่มต้นของ Cleveland Cavaliers กันเลย
Cleveland Cavaliers ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1970 โดยพวกเขาได้ก่อตั้งพร้อมกับทีมอย่างBraves
หรือ L.A.Clippers ในปัจจุบัน และทีมอย่าง Portland Trail Blazers นั่นเอง ซึ่งในตอนนั้นทีม Cleveland Cavaliers ได้ชายที่ชื่อว่า Bill Fitch มานั่งแท่นเป็นเฮดโค้ชคนแรกของทีม แต่ทว่าทีมกลับไม่สามารถที่จะทำผลงานได้เป็นชิ้นเป็นอันเลย เพราะพวกเขานั้นทำสถิตได้เพียงแค่ 15 – 67 และรั้งอันดับสุดท้ายของตาราตั้งแต่ฤดูกาลที่พวกเขาเข้าร่วมลีกเลยทีเดียว
ซึ่งหลังจากนั้น Cleveland Cavaliers ก็ค่อย ๆ ดึงเอาบรรดาเหล่าดาวรุ่งที่พอมีแววเข้ามาสู่ทีมมาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น Bobby Smith, Jim Chones และ Dick Snyder และนั่นเองมันก็ค่อย ๆ ทำให้ผลงานของทีมค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังไม่ได้ดูดีสักเท่าไหร่นัก
ต่อมาในปี 1974 Cleveland Cavaliers ก็ได้มีการย้ายสนามเหย้าใหม่ และดูเหมือนว่าสนามแห่งนี้จะถูกฉโลกกับพวกเขาจนทำให้ในฤดูกาล 1974 – 1975 พวกเขาก็สามารถจบฤดูกาลด้วยสถิติ 40 – 42 ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีเพราะมันค่อนข้างที่จะใกล้เคียงกับการได้ลุ้นไป Playoff นั่นเอง
จนกระทั่งในฤดูกาล 1975 – 1976 Cleveland Cavaliers ที่ได้เสริมแกร่งด้วยผู้เล่นอย่าง Nate Thurmond
ก็สามารถจบฤดูกาลไปด้วยสถิติ 49 – 33 และคว้าแชมป์ประจำ Division รวมถึงยังได้รับสิทธิ์ในการเข้าไป Playoff เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทีมอีกด้วย แถมเท่านัน้ยังไม่พอ เพราะ Cleveland Cavaliers ยังสามารถเอาชนะทีมอย่าง Bullets หรือ Washington Wizards ในปัจจุบัน ไปได้แบบสุดมัน 4 – 3 เกม จนทำให้หลาย ๆ คนเรียกเกมนนี้ว่าเป็น “ปาฏิหาริย์แห่ง Richfield” ในภายหลัง แต่ก็น่าเสียดายที่แม้ว่า Cleveland Cavaliers จะทะลุเข้าไปสู่รอบชิงแชมป์สาย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องไปแพ้ให้สุดยอดทีมแห่งยุคอย่าง เซลติก ในที่สุด
และหลังจากนั้นทีมอย่าง Cleveland Cavaliers ก็เริ่มประคองฟอร์มตัวเองได้มาจนพวกเขาสามารถทำสถิติ 43 – 39 ในอีก 2 ฤดูกาลถัดมา แต่ถึงแม้ว่าฟอร์มในฤดูกาลปกติของพวกเขาจะค่อนข้างดีแต่ทว่า ผลงานในรอบ Playoff ของพวกเขากลับตรงกันข้าม ทำให้สุดท้านแล้วฟอร์มของ Cleveland Cavaliers ก็เริ่มแผ่วลงในฤดูกาล 1987 – 1979 ซึ่งพวกเขามีสถิติที่ค่อนข้างแย่นั่นก็คือ 30 – 52 เท่านั้น และ เหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ผู้บริหารคนเก่าตัดสินใจลาออก
แต่ความย่ำแย่ของ Cleveland Cavaliers ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านั้นเพราะในปี 1980 ทีมก็ยังจบฤดูกาลปกติไปด้วบผล 37 – 52
และทำให้พวกเขาไม่ได้เข้าไปเล่นในรอบ Playoff นอกจากนั้นในปีนี้ Cleveland Cavaliers ยังได้มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีมเป็น Ted Stepien ซึ่งตัวของเขาหวังที่จะสร้าง Cleveland Cavaliers ให้กลายเป็นทีมที่ดีขึ้น โดยเขาได้ผุดเอาไอเดียต่าง ๆ มากมายมาสู่ทีม แต่มันกลับกลายเป็นว่าตัวของ Stepien ได้พาทีม Cleveland Cavaliers ลงไปสู่เหวลึกยิ่งกว่าเดิม
ตัวของ Ted Stepien ได้เข้ามามีส่วนในการบริหารทีม Cleveland Cavaliers ในทแทบจะทุกส่วน แถมเขาใช้ยังใช้อำนาจในการเป็นเจ้าของทีมโดยไม่สนใจใครหน้าไหน และสิ่งที่ตัวของ Stepien ทำและส่งผลกระทบต่อ Cleveland Cavaliers มากที่สุดนั่นก็คือ การใช้สิทธิ์ดราฟต์
โดยตัวของ Ted Stepien ได้ใช้สิทธิ์ดราฟต์รอบแรกในอนาคตของ Cleveland Cavaliers เป็นจำนวนหลายฤดูกาลติด โดยเขาได้เอาสิทธิ์ดราฟต์นี้ไปเทรดแลกผู้เล่นกับทีมอื่น จนทำให้ทางลีก จำเป็นที่จะต้องตั้งกฎที่มีชื่อว่า Ted Stepein Rule เพื่อระงับการกระทำนี้ โดยหลักการของกฏนี้นั่นก็คือ ถ้าทีมไหนได้ใช้สิทธิ์ในการดราฟต์รอบแรกของตัวเองไปในการเทรดผู้เล่นกับทีมอื่นแล้ว ในฤดูกาลถัดไปทีม ๆ นั้นจะไม่สามารถที่ใช้สิทธิ์แบบเดียวกันนี้ในการเทรดได้อีก เว้นแต่ว่าจะได้สิทธิ์ดราฟต์รอบแรกจากทีมอื่นมา
นอจากนั้นแล้วผลงานของ Cleveland Cavaliers ภายใต้การบริหารของ Ted Stepien
ก็ไม่ได้ขึ้นเลยเพราะในฤดูกาล 1980 – 1981 ทีมสามารถทำผลงานจบไปได้วยสถิติ 28 – 54 แถมที่สำคัญในฤดูกาล 1982 1983 ตัวของ Ted Stepien ก็ได้ตัดสินใจไล่เฮดโค้ชของ Cleveland Cavaliers ออกไปถึง 3 คนใน 1 ฤดูกาล แถมระบบของทีมก็ค่อนข้างที่จะพังพินาส ทำให้ฐานคนดูของทีมเริ่มเสื่อมศรัธทา จนทำให้ Cleveland Cavaliers มีคนดูเฉลี่ยต่อเกมเหลือเพียงแค่ 3900 คน ทั้ง ๆ ที่สนามของพวกเขาสามารถจุคนได้มากถึง 20,000 ที่นั่ง
และเพราะความตกต่ำแบบฉุดไม่อยู่แล้วของ Cleveland Cavaliers จึงทำให้หลาย ๆ ฝ่ายต่างออกมาเรียกร้อง ในขณะตอนนั้นตัวของ Stepien มีไอเดียที่จะทำการย้ายฐานที่มั่นทีม พร้อมกับเปลี่ยนชื่อทีมใหม่เป็น Toronto Towers แถมเขายังคิด Logo รอไว้เรียบร้อยแล้วอีกซะด้วย แต่สุดท้ายแล้วตัวของ Stepien ก็ไม่อาจทนกระแสต่อต้านของบรรดาเหล่าแฟน ๆ Cleveland Cavaliers ได้ทำให้ในที่สุดเขาก็จำเป็นที่จะต้องขายทีมให้กับพี่น้องตระกูล Gund ได้เข้ามาบริหารต่อในภายหลัง
และหลังจากที่การบริหารที่เละเทะของ Stepien นี่เองที่ทำให้ทาง NBA ต้องเข้ามาช่วยเหลือ Cleveland Cavaliers โดยการมอบสิทธิ์ในการดราฟต์รอบแรกให้กับทีมเป็นพิเศษเนื่องจากสิทธิ์ดราฟต์ของ Cleveland Cavaliers นั้นถูกใช้หมดเกลี้ยงไปแล้วตั้งแต่ปี 1983 – 1986 ซึ่งหลังจากที่มีการเปลี่ยนมือเจ้าของแล้ว Cleveland Cavaliers ก็ได้คิดชื่อทีมใหม่เป็น Cavs เพื่อใช้สำหรับการเรียกย่ออย่างเป้นทางการ ซึ่งจริง ๆ แล้วชื่อนี้เองบรรดาเหล่าแฟน ๆ และ สื่อหลาย ๆ ที่ก็ใช้เรียก Cleveland Cavaliers มาสักพักหนึ่งอยู่แล้ว
หลังจากมีการเปลี่ยนแปลง Cleveland Cavaliers ก็ได้กลับมาลุ้น Playoff อีกครั้งในฤดูกาล 1984 – 1985 แต่สุดท้าบแล้วเมื่อพวกเขาเข้าไปก็ต้องมาแพ้ให้กับทีมแกร่งอย่าง เซลติก อีกเช่นเคย แต่ถึงแบบนั้นมันก็เป็นถือได้ว่า Cleveland Cavaliers ได้กลับมาสู่เส้นทางแบบที่ควรจะเป็นหลังจากที่เละเทะอยู่พักใหญ่
ซึ่งทีมอย่าง Cleveland Cavaliers จะหาจุดไหนมาผลิกพันให้พวกเขากลายเป็นทีมที่อยู่ในความทรงจำของแฟน ๆ ทั่วโลก เอาไว้เดี๋ยวเรามาติดตามกันต่อกันในบทความหน้า dunkswin9