ในสังคมมนุษย์ในปัจจุบันนี้เราต้องก้มหน้า และ ยอมรับกับความจริงที่เกิดขึ้นว่ากระแสของโลกนั้นทุกอย่างต้องเดินหน้าด้วยคำว่าธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่าการจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย เพราะสิ่งแรกที่จะทำให้ก่อเกิดคำว่าธุรกิจได้นั่นก็คือ การลงทุน นั่นเอง ซึ่งไอ้เงินก้อนที่จะมาลงทุน และ ทำให้ธุรกิจของเราเดินได้ต่อไปได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แต่ทว่าครั้งหนึ่งในประวัติศาตร์ของ NBA เคยมีชายผู้หนึ่งที่วางเกมธุรกิจของตัวเองไอ้อย่างเหนือเมฆ เพราะว่าเขาคนนี้ทำทุกอย่างที่สวนทางกัน นั่นก็คือ การเลิกกิจการของตัวเอง แต่ทว่าการเลิกธุรกิจของตัวเองในครั้งนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขารับทรัพย์มากว่าสมัยที่เขาทำธุรกิจเสียอีก ซึ่งเรื่องนี้ราวนี้มันคืออะไร เราจะพาทุกคนไปดูกัน
แต่ก่อนที่จะมาอ่านเนื้อหาในบทความนี้เราขอแนะนำให้คุณย้อนกลับไปอ่านบทความของ “ยุบทีมยังไงให้ได้เงิน นี่สินะคือธุรกิจเสือนอนกินแห่ง NBA” กันเพื่อทำความรู้จักบรรดาเหล่าทีมจากบาสเกตบอล ABA ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับชะตากรรมร่วมเหล่านี้ ส่วนถ้าใครเคยอ่านบทความบทนั้นกันไปแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะมาฟังเรื่องราวต่อจากนั้นกัน
เราขอย้อนความเล็ก ๆ เพื่อให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจก่อนไปต่อ โดยเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลนั้นเกิดขึ้นจาก
บาส ABA กำลังจะตายเนื่องจากลีกของพวกเขานั้นไม่สามารถสู้ลีกอย่าง NBA ได้เนื่องจากในตอนนั้นทาง NBA ได้ทำการยึดหัวหาดเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดทั้งหมดเอา แต่ถึงแบบนั้นทาง NBA ก็ยังตัดสินใจที่ยื่นมือเข้ามาช่วทีมบาสของ ABA โดยการให้พวกเขาตัดสินใจเลือกทีมมา 4 ทีมเพื่อที่จะเข้ามาสู่ลีก NBA จากทั้งหมด 7 ทีม ซึ่งเหตุการณ์นี้นี่เองที่ทำให้ทีมอย่าง เวอร์จิเนีย สไควร์ , เคนตั๊กกี้ โคโลเนลส์ และ สปิริต ออฟ เซนต์หลุยส์ ตัดสินใจประกาศยุบทีม แต่ทว่าในรายของ สปิริต ออฟ เซนต์หลุยส์ นั้นมีเงื่อนไขในการยุบทีม แตกต่างกว่าชาวบ้านั่นก็คือ เมื่อ 4 ทีมที่เหลือได้เข้าสู่ลีก NBA แล้ว เงินจากการถ่ายทอดสดทางจากโทรทัศน์ของทั้ง 4 ทีม จะต้องแบ่งมาให้พวกเขาเป็นจำนวน 14%
แน่นอนว่าตัวเลข 14% ในโลกของธุรกิจนั้นถือได้ว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ใช่น้อยเลย โดยตอนนั้นเจ้าของทีม สปิริต ออฟ เซนต์หลุยส์ ได้อ้างว่า เมืองเซนต์หลุยส์ ในเวลานั้นเป็นตลาดกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในอเมริการ ซึ่งถ้าหากเขาพาทีมของเขาเข้าสู่ NBA เขาก็สามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลจากการถ่ายทอดสดอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าหากจะให้เขายอมถอยแล้วละก็ ทั้ง 4 ทีมที่รอดเข้าไป จะต้องยอมรับในเงื่อนไขนี้
และเมื่อ สปิริต ออฟ เซนต์หลุยส์ ยื่นเงือนไขมาแบบนี้ ทำให้ทั้ง 4 ทีมที่เป็นผู้เหลือรอดต้องรีบหาลือเพื่อประชุมเรื่องนี้กันเป็นการใหญ่ และเพราะเขาก็เล็งเห็นว่าข้อเสนอนี้นั้นถือได้ว่าเป็นข้อเสนอที่พอรับได้ เนื่องจากถ้าปล่อยให้เวลายืดเยื้อไปมากกกว่านี้มันอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายน หนำซ้ำถ้าเกิดทาง NBA เปลี่ยนใจขึ้นมา พวกเขาจะยิ่งแย่กหนักกว่าเก่า
ทั้ง 4 ทีมตอบรับข้อเสนอของ สปิริต ออฟ เซนต์หลุยส์ ในการยอมแบ่งรายได้ถ่ายทอดสด 14% ทุกปี
ให้กับพี่น้องซิลน่า เจ้าของทีมสปิริต ออฟ เซนต์หลุยส์ โดยถ้าจะว่ากันจริง ๆ ในยุค 70 นั้นคนที่ดูชมการถ่ายทอดสด NBA ถึงมันจะเยอะก็ตาม แต่ทว่าส่วนใหญ่แล้วคนก็ยังนิยมดูการแข่งขันในสนามจริงมากกว่า พวกเขาจึงคิดว่ารายได้ส่วนนี้คงไม่มากเท่าไหร่ และ ส่วนแบบ 14% นี้มันก็เป็นอะไรที่พอรับได้
และเมื่อดีลนี้สำเร็จเสร็จสิ้น ทีมอย่าง สปิริต ออฟ เซนต์หลุยส์ ก็ได้ประกาศยุบทีมตามที่พวกเขาสัญญาเอาไว้ เพื่อให้ 4 ทีมที่เหลือได้ก้าวเข้าสู่เวที NBA ส่วนผู้เล่นของพวกเขาทั้งหมดก็ได้ปล่อยตัวเป็นแบบฟรีเอเยนต์ ซึ่งทีมทั้บง 4 ทีม ที่ได้ก้าวเข้าสู่เวที NBA ต่อไปก็คือทีมอย่าง ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส, อินเดียน่า เพเซอร์, เดนเวอร์ นักเกตส์ และ นิวยอร์ก เน็ตส์
และก็เป็นอย่างที่ทั้ง 4 ทีมคาดเอาไว้ เพราะว่าในปีแรก ๆ ตัวของพี่น้องซิลน่า นั้นได้ส่วนแบ่งอยู่ที่มูลค่าราว ๆ 2 แสน
ดอลล่าร์ ซึ่งมันถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างน้อยเอามาก ๆ ในโลกของธุรกิจบาสเกตบอลที่กำลังกระเตื้องขึ้นเรื่อย ๆ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะว่าในปี 80 การมาของ เมจิก จอห์สัน และ แลรี่ เบิร์ด นั้นทำให้เวที NBA ตั้งสั่นสะเทือน และ ได้รับความนิยมอย่างมาก แถมหลังจากนั้นก็มีซุปเปอร์สตาร์อีกคนหนึ่งเกิดขึ้นนั่นก็คือ ไมเคิล จอร์แดน
และเพราะกระแสความดังของลีก NBA นี้แหละที่ทำให้บรรดาเหล่าสถานีโทรทัศน์ต่างพากันแย่งซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดของ NBA กันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนทำให้มูลค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดค่อย ๆ พุ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ จาก 1.2 พันล้านดอลล่าร์ ไปถึง 7.4 พันล้านดอลล่าร์ด้วยเวลาอันรวดเร็ว
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะว่า NBA นั้นไม่ได้ดังเพียงแค่ในอเมริกาอีกต่อไป แต่มันยังบูมไปทั่วโลก
จนทำให้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดถูกขายออกไปข้างนอก และ เงินก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ทุกทีมในล็ก และแน่นอนว่าเงือนไขการถ่ายทอดสดทั้งหมดนี้มันตรงตามสัญญาที่พี่น้องซิลน่า เจ้าของทีมสปิริต ออฟ เซนต์หลุยส์ที่ยุบไปนานแล้ว ทำเอาไว้ มันก็เลยทำให้ทั้ง 4 ทีมซึ่งตอนนั้นมีกลุ่นฐานแฟนคลับเยอะขึ้นต้องจ่าย 14% และแน่นอนว่าสัญญานี้มันจะผูกมัดกับพวกเขาไปเรื่อย ๆ จนกว่าทั้ง 4 นี้จะยุบทีไปเอง
แน่นอนละว่าทั้ง 4 ทีมดังแห่ง NBA ย่อมเริ่มไม่พอใจในสัญญานี้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการที่พวกเขาโดย 2 พี่น้องรีดไถเงินไปแบบฟรี ๆ อย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี ซึ่งหลังจากที่ สปิริต ออฟ เซนต์หลุยส์ ยุบทีมไปนานกว่า 40 ปี พี่น้องซิลน่าคู่นี้ได้รับเงินจากทั้ง 4 ทีมรวมไปกว่า 9 พันล้านบาท หรือ 300 ล้านดอลลาร์ โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย ในขณะที่ทีมอื่นต้องทำทั่งการวางแผนการตลาด จ่ายค่าจ้างผู้เล่น รวมถึงการสร้างสนาม
จริง ๆ แล้วทั้ง 4 ทีมของ NBA ก็เคยมีตัดสินใจที่จะฟ้องศาล แต่พี่น้องซิลน่าเองก็ไม่ได้หวั่นใจ เพราะทุกอย่างมันมีสัญญาเป็นเอกสารที่ลงลายเซ็นต์เอาไว้หมดแล้ว ทำให้สุดท้ายแล้วทั้ง 4 ทีมก็ตัดสินใจรวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อยื่นข้อเสนอในการซื้อสัญญานั้นด้วยเงิน 500 ล้านดอลลาร์ หรือตีเป็นมูลค่า 15,000 ล้านบาท เพื่อให้มันจบเรื่องนี้ไป โดยทั้ง 4 ทีมนั้นเห็นเหมือนกันว่า ในอนาคตมูลค่าการถ่ายทอดสดของ NBA น่าจะเพิ่มสูงมากกว่านี้อีก จึงทำให้ตัวเลข 500 ล้านนี้อาจจะดูเล็กน้อยไปเลย
ซึ่งสุดท้ายพี่น้องซิลน่าก็ตอบรับข้อตกลงนั้นและตัดสินใจขายสัญญานั้นให้กับทีมดังทั้ง 4 ของ NBA ซึ่งมันเท่ากับว่ารีดเงินจากทั้ง 4 ทีมนี้ไปแบบเน้น ๆ ตลอด 40 กว่าปีไปได้มากถึง 800 ล้านดอลลาร์ โดยไม่ได้ทำงานอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียวเลยนั่นเอง dunkswin9