หากเราให้คุณนึกถึงผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์วงการบาสเก็ตบอล NBA เราเชื่อเลยว่าหลาย ๆ คนจะต้องนึกถึง ไมเคิล จอร์แดน ชายผู้ทำให้ผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างให้มากให้ความสนใจในกีฬาบาสเก็ตบอล แต่ทว่า ไมเคิล จอร์แดนก็ไม่ใช่เพียงแค่คนเดียวที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการบาสเก็ตบอล เพราะว่ายังมีชายอีกหนึ่งคนที่ได้เปิดม่านประวัติศาสตร์มากมายให้แก่วงการบาส เขาคนนั้นก็คือ คาร์ล มาโลน
คาร์ล มาโลน เกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม พ.ศ. 2506
โดยเขาคนนี้เติบโตในซัมเมอร์ลุยเซียนา แถมครอบครัวของเขายังมีลูก ๆ ถึง 9 คน โดย คาร์ล มาโลน นั้นเป็นลูกคนสุดท้อง โดยตอนเด็ก ๆ มาโลน ก็ได้เริ่มเผยพรสวรรค์เกี่ยวกับการเล่นบาสของเขาในช่วงที่เขาเรียนที่ Summerfield High School และนำทีมบาสเก็ตบอลของเขาคว้าแชมป์ Louisiana Class C สามรายการติดต่อกัน แต่เพราะผลการเรียนของมาโลน นั้นค่อนข้างที่แย่เอามาก ๆ ทำให้เขาไม่สามารถที่จะติดทีมระดับมหาวิทยาลัยได้ ทำให้เขาจำเป็นที่จะต้องตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างหนัก จนในที่สุดเขาก็เกรดดีพอที่เข้ามาหาวิทยาลัยหลุยเซียนาได้สำเร็จ และหลังจากนั้นไม่นานนักเขาก็สามารถยึดตำแหน่งหัวหน้าทีของมหาวิทยาลัยได้สำเร็จ
และหลังจากเรียนจบ ในปี 1985 เขาก็ได้ถูกทีมดังอย่าง Utah Jazz ดราฟท์ตัวเข้าทีมมาเป็นอันดับที่ 13 แลเพียงแค่การเข้ามาสู่วงการบาส NBA เพียงแค่ปีแรก เขาก็ได้สร้างสถิติชวนตะลึงอย่างการทำคะแนนเฉลี่ย 14.9 คะแนน และ 8.9 รีบาวน์
นอกจากนั้นแล้วในปี 1988 มาโลนยังกลายเป็นผู้เล่นที่สามารถทำคะแนนโดยเฉลี่ย 27.7 คะแนน
ต่อเกมเลยทีเดียว
ส่วนบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือภายในเวลาเพียงไม่นานัก มาโลน คนนี้ก็สามารถที่จะมีรายชื่อเข้าร่วมใน NBA All-Star Games โดยเขาคนนี้ได้มีโอกาสเข้าร่วม NBA All-Star Games ไปถึง 14 สมัยและยังเคยได้เป็นผู้นำของทีมฝั่งตะวันตกอีกด้วย ส่วนสาเหตุที่ทำให้ฟอร์มการเล่นของมาโลนค่อนข้างจะโดดเด่นเป็นอย่างมากนั่นก็คือความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขา ซึ่งความแข็งแกร่งนี้ว่ามันจึงทำให้เขาได้รับฉายาว่า Mailman หรือ บุรุษไปรษณีย์ เพราะว่า บุรุษไปรษณีย์ คือาชีพที่พร้อมจะส่งทุกอย่างไปถึงเป้าหมายอย่างไร้เงื่อนไข เปรียบเสมือนกับว่า ขอเพียงแค่ส่งลูกบาสมาให้เขา เขาก็จะนำพาลูกบาสไปทำคะแนนให้นั่นเอง แต่เพราะฉายานี้เองที่ทำให้มีคนมักจะแซวว่า ในเกมวันอาทิตย์ที่มาโลนจะต้องลงสนาม เขามักจะโชว์ฟอร์มไม่ค่อยออก เนื่องจาก บรรดาเหล่า บุรุษไปรษณีย์ ในชีวิตจริงนั้นหยุดงานนั่นเอง
ถึงแม้ว่าฟอร์มจะ มาโลน จะดีขนาดไหนก็ตามแต่ทว่าเขาคงนี้ก้ยังคงไม่สามารถที่จะพาทีมรักของเขาไปจนถึงฝันได้ตามที่ตั้งใจเอาไว้ จนกระทั่งมาโลนได้มีโอกาสมาจับคู่กับ จอห์น สต็อคตัน ซึ่งการเข้าขากันของผู้เล่นทั้ง 2 คนนี้เองที่เริ่มทำให้ ยูท่าห์ แจ๊สเห็นแววในอนาคตที่สดใสขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งในฤดูกาลปี 1996 – 1997 ทีมของเขาก็ได้เวลาที่โชว์ศักยภาพให้ทุกคนได้เห็น เมื่อพวกเขาฝ่าฝันมาจนถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยทีมที่จะมาหยุดยืนตรงหน้าของเขานั่นก็คือ ชิคาโก้ บูลส์ ซึ่งเป็นยุคที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ที่นำโดย The Magic Trio อย่าง ไมเคิล จอร์แดน , เดนนิส ลอสแมน และ สก๊อตตี้ พิพเพ่น
และสิ่งที่ทำให้บรรดาเหล่าทีม ชิคาโก้ บูลส์ ต้องหวั่นใจทุกครั้งที่เผชิญหน้านั่นก็คือ ยูท่าห์ แจ๊ส เป็นทีมที่ค่อนข้างจะมีผู้เล่นที่เข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดีในด้านเกมรับ และ เกมรุก แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องกังวลใจที่สุดมันก็คงจะหนีไม่พ้นสไตล์การเล่นที่เข้าขากันราวกับคลานตามกันมาจากท้องแม่ของ สต็อคตัน และ มาโลนนี่แหละ จนทำให้แฟน ๆ ต่างขนานนามเข่าว่า สองคู่หูพิกแอนด์โรล
โดยสไตล์การเล่นของพวกเขานั่นก็คือ การให้ คาร์ล มาโลน
มาช่วยสกรีนตัวผู้เล่นฝั่งตรงข้ามให้ ก่อนที่จะให้ สต็อคตัน หาจังหวะพลิกตัวไปรับบอลเพื่อทำคะแนนนั่นเอง ซึ่งบอกเลยว่าใครที่ทันดูยูท่าห์ แจ๊ส ในสมัยนั้นจะต้องเป็นภาพนี้จนชินตากันไปเลยนั่นเอง
แต่ถึงแม้ว่า 2 คู่หู และทั้งทีมจะสามารถทำได้ดี แต่มันก็ยังไม่ดีพอ เพราะว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยังไม่อาจต้านทานยุคทองของ ชิคาโก บูลส์ ได้อยู่ดีทำให้ ยูท่าห์ แจ๊ส ต้องพลาดท่าในการคว้าแชมป์ครั้งนี้ไปในที่สุด
นอกจากนั้น มาโลน ได้ยังสร้างชื่อเสียงเพิ่มเติมให้กับตัวเองโดยการถูกรับเลือกให้เข้าร่วมทีมชาติอเมริกาเพื่อไปแข่งในกีฬาโอลิมปีกปี 1992 ที่บาร์เซโลนา และแน่นอนว่าคาร์ล มาโลน สามารถเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้อีก 4 ปีต่อมานั่นก็คือปี 1996 เขาก็ได้มีโอกาสติดทีมชาติอเมริกาอีกครั้ง และในครั้งนี้นี่แหละที่ทำให้เขาสามารถที่จะไปคว้ารางวัลแชมป์โอลิมปิกมาบันทึกเอาไว้ในเกียรติประวัติของตัวเองได้สำเร็จ
แต่เพราะความกระหายแชมป์ใน NBA ของเขายังไม่หมดไปนี่เองที่ทำให้ในฤดูกกาล 2003 – 2004 เขาได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ L.A. Lakers เพื่อไล่ลาหาแชมป์ตามที่เขาต้องการ แถมในตอนนั้นมาโลนเองก็มีอายุมากถึง 40 ปีแล้วอีกด้วย มันจึงกลายเป็นหนึ่งหน้าจารึกในประวัติศาตร์ว่า เขาคนนี้คือผู้เล่นที่อายุมากที่สุดของ NBA ในตอนนั้น แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว มาโลน ก็ยังไม่สามารถทำได้สำเร็จ จนทำให้ที่สุดเขาก็ต้องรีไทร์ตัวเองออกจากวงการทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีแชมป์ใด ๆ ของ NBA ติดมือไปเลยนั่นเอง dunkswin9
เครดิต : เว็บสล็อต