หากพูดเกมกีฬาแน่นนอนแหละสิ่งแรกที่มันทำให้เกิดการแข่งขันต่าง ๆ ขึ้นนั่นก็คือ เรื่องของผลของการแข่งขัน และมันก็เป็นสัจจะธรรมอย่างหนึ่งในวงการกีฬาว่า ทีมไหนที่สามารถคว้าชัยในการแข่งขันได้มาก ทีมเหล่านั้นก็มักที่จะได้กลายเป็นทีมที่สามารถประสบความสำเร็จและมีแฟน ๆ จำนวนมาก ซึ่งในทางตรงกันข้ามหากทีมไหนที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จทีมเหล่านั้นก็มักที่ไม่ค่อยกลายเป็นทีนิยมมากนักเหมือนดังเช่น นิวยอร์ก นิกส์ และนอกจากผลของการแข่งขันแล้ว ความนิยมของทีมก็ยังเป็นอีกหลาย ๆ ปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจของทีม ไม่ว่าจะเป็นยอดขายตั๋ว , ยอดขายเสื้อ รวมถึงลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด และ การดึงดูดเหล่าซุปเปอร์สตาร์ต่าง ๆ มาร่วมทีม ซึ่งปัจจัยทั้งหมดโดยรวมเหล่านี้นี่เองที่มันจะมีคำนิยามอยู่ 1 คำนั่นก็คือ มูลค่าของทีม นั่นเอง
ซึ่งถ้าพูดแบบนี้หลาย ๆ คนอาจจะยังนึกไม่ออก งั้นขอยกตัวอย่างให้ง่ายที่สุดเลยละกัน
โดยทีมที่เราจะขอนำมายกตัวอย่างนั้นก็คือทีมอย่างปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งแฟนแมนยูหลาย ๆ คนน่าจะพอทราบดีว่าในฤดูกลาล 2018 – 2019 นั้น ตัวทีมของปีศาจแดงนั้นค่อยข้างที่มีฟอร์มการเล่นสุดย่ำแย่ จนทำให้นิตยสาร Forbes เจ้าแห่งการจัดอันดับได้ประเมิณออกมาว่า มูลค่าทีมของปีศาจแดงในฤดูกาล 2019 มีมูลค่าลงมากไปถึง 8% แถมยังเป็นช่วงเวลาเพียงแค่ปีเดียวต่างหาก แต่ทว่าในโลกของบาสเกตบอลมันกลับมีเรื่องราวต่างออกไป เพราะในฤดูกาล 2019 – 2020 แม้ว่าทีมอย่าง มิลวอกี บัคส์ จะเป็นทีมที่มีสถิติดีที่สุดในฤดูกาลปกติ แต่ทว่าทีมของพวกเขากลับไม่ใช่ทีมที่มีมูลค่าสโมสรมากที่สุด แถมผู้เป็นแชมป์ในฤดูกาลนั้นอย่าง ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ก็ยังมีมูลค่าไม่ได้ใกล้กับทีมที่มีมูลค่าทีมสูงอันดับ 1 เลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับกลายเป็นว่าทีมที่มีมูลค่าทีมที่สูงที่สุดในตอนนั้นกลับกลายเป็น นิวยอร์ก นิกส์ ทีมที่มีสถิตแพ้อยู่บ่อยครั้งราวกับจะเอาสิทธิ์ดราฟเบอร์ 1
ในเดือนกรกฏาคมปี 2019 นิวยอร์ก นิกส์ ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes
ให้กลายเป็นทีมที่มีมุลค่าทีมมากที่สุดของ NBA และยังเป็นอันดับที่ 3 ของวงการกีฬาทั่วโลกอีกด้วย โดยในตอนนั้นมูลค่าของ นิกส์ นั้นมีค่าสูงถึง 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือให้ตีเป็นเงินไทยคร่าว ๆ คือ 137,700 ล้านบาท เลยทีเดียว และเพราะตัวเลขที่สูงลิ่วขนาดนี้นี่เองที่มันได้ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มสงสับว่าทำไมทีมนี้ถึงมีมูลค่ามากมายมหาศาลได้เช่นนี้ แถมรายได้นี้มันยังพุ่งสูงกว่ารายได้ของปีที่แล้วเกือบ 15% แต่ทว่าฟอร์มของทีมมันพุ่งสวนทางกับมูลค่าที่เพิ่มขึ้นซะอย่างนั้น
แน่นอนแหละหากเราพูดถึงกรุงนิวยอร์ก หลาย ๆ คนน่าจะพาเดาได้ว่าเมืองนี้ถือได้ว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับ 1
ของประเทศอเมริกา และ ของโลก มันเลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมืองนี้ถึงมีบรรดาเหล่านักท่องเที่ยวเข้ามากันอย่างไม่ขาดสาย จนทำให้เพนดานค่าครองชีพของที่นี่สูงตามไปด้วย ซึ่งเคยมีผลสำรวจระบุว่า ค่าครองชีพของนิวยอร์กนั้นสูงมากกว่าเมืองใหญ่อย่างลอสแอนเจลิสถึง 42% และนี่เองทำให้ทีมสามารถที่อัพราคาตั๋ว , ค่าอาหาร , เครื่องดื่ม รวมถึงของที่ระลึกต่าง ๆ ได้แบบสบายใจ โดยรายตั๋วเฉลี่ยต่อเกมจะอยู่ที่ประมาณใบละ 130 ดอลล่าร์ แต่ถ้าจะสังเกตให้ดีกันจริง ๆ ตั๋วของนิวยอร์ก นิกส์ ได้มีการเพิ่มราคาขึ้นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ฤดูกาล 2016 – 2017 แล้ว และแน่นอนแหละว่าพอราคาตั๋วเพิ่ม ราคามูลค่าทีมก็เพิ่มตามมาด้วยเช่นกัน
ซึ่งนโยบายของ นิวยอร์ก นิกส์ นั้นจะเป็นการขึ้นราคาตั๋วที่ไม่แน่นอนตายตัว เนื่องจากพวกเขาจะกำหนดราคาตั๋วตามคู่แข่งในแต่ละนัดของพวกเขานั่นเอง ซึ่งในปี 1999 ที่ตอนนั้นทีมมีผู้เล่นอย่าง แพทริค ยูวิง อยู่นั้น ตั๋วเข้าชมเกมที่แพงที่สุดในตอนนั้นจะอยู่ที่มูลค่ากว่า 3,203 ดอลลาร์สหรัฐฯ
และถึงแม้ว่าในปี 2010 ที่ตอนนั้นทีมมีผู้เล่นอย่าง คาร์เมโล่ แอนโธนี่ แต่ทว่าผลงาน นิวยอร์ก นิกส์ กลับไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ตัวของบอร์ดบริหารก็ยังมีนโยบายอย่างการเทียบมาตรฐานค่าครองชีพและนำมาบวกกับความดังของสตาร์ในทีม ซึ่งพวกบวกไปบวกมาแล้ว สุดท้ายมันก็กลายออกมาเป็นราคาค่าตั๋วเข้าชมที่เฉลี่ยแพงที่สุดซะอย่างนั้น
แม้ว่าตั๋วต่อเกมจะแพงขนาดไหนก็ตามแต่ด้วยประวัติของนิวยอร์ก นิกส์ที่มีมาอย่างยาวนานนี่เองที่ทำให้มีบรรดาเหล่าแฟนพันธุ์แท้ รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวขาจรหลาย ๆ คนที่มาเยืนอนิวยอร์ก ยอมจ่ายค่าตั๋วเพื่อเข้ามาชมเกมการแข่งขันโดยที่บางทีพวกเขาไม่สนเลยด้วยซ้ำว่าทีมจะแพ้ หรือ ชนะ
และแน่นนอนว่านิวยอร์ก นิกส์เองก็ฉลาดพอที่จะเดินเกมกับบรรดาเหล่ากลุ่มนักท่องเที่ยวนี้เช่นกัน โดบพวกเขาได้เน้นทำการตลาดกับบรรดาเหล่านักท่องเที่ยวมากขึ้นด้วยการขายสินค้าที่ระลึกต่าง ๆ ซึ่งตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนนิวยอร์กในปี 4 ปีหลังสุดที่ผ่านมานี้นั้นสูงถึง 52 ล้านคนเลยทีเดียว และแน่นอนว่าเมื่อการขายทั้งของที่ระลึก อาหาร เครื่องดื่ม เหล่านี้นี่เองมันจึงทำให้ นิกส์ มีผลประกอบการค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี
นอกจากนั้นแล้วนิวยอร์ก นิกส์ยังมีอีกหนึ่งทีเด็ดนั่นก็คือ สนามของพวกเขา เพราะว่า เมดิสัน สแควร์ การ์เด้น ของพวกเขานั้นถูกขนานว่ามันคือ เมกกะแห่งบาสเก็ตบอล โดยคำนิยามนี้นั้นได้มาจากที่ นิกส์ เป็นหนึ่งในทีมที่เก่าแก่ที่สุดทีมหนึ่งของ NBA โดยพวกเขาก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1946 และถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถคว้าแชมป์ได้เพียง 2 สมัย แต่ทว่าการตลาดแบรนด์ของพวกเขายังคงทำอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แถมบรรดาเหล่าผู้บริหาร และ ดาวดังของทีก็มักจะให้สัมภาษณ์โดยไม่เคยลืมคีย์เวิร์ดอย่าง สนามที่มีชื่อเสียงที่ดีที่สุดของโลก” หรือ “เมกกะสถานของบาสเกตบอล เลยแม้แต่ครั้งเดียว
และเพราะคำกล่าวที่ราวกับเป็นคำเชิญชวนเหล่านี้นี่เองที่ทำให้แฟน ๆ หลาย ๆ คนต่างก็จดจำและอยากที่จะลองไปสัมผัสประสบการณ์ในสนามแห่งนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต และนี่แหละก็คือเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้แม้ว่าทีมจะฟอร์มรูดขนาดไหน แต่ทว่ามูลค่าของทีมกลับไม่เคยตก และ มีแต่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเพนดานค่าตั๋วของ นิวยอร์ก นิกส์ จะไปหยุดจบลงที่ตรงไหน และ ฟอร์มการเล่นของพวกเขามันจะสมกับที่บรรดาเหล่าแฟนขาประจำหวังเอาไว้หรือไม่ เราก็ต้องมาดูต่อกันไปในอนาคต dunkswin9