หากให้เราพูดถึงลีกบาสที่แข็งแกร่งและดูสนุกที่สุดในโลกใบนี้แล้วละก็ เราเชื่อว่าคงไม่มีคำตอบใด ๆ อื่นนอกจากคำว่าลีก NBA นั่นเอง เพราะในลีกนี้ถือได้ว่าเป็นลีกที่ได้รวบรวมเอาบรรดาเหล่าผู้แข็งแกร่งมาโชว์ฝีไม้ลายมือให้เราดูกันอย่างมากมาย แต่ทว่าหากเราย้อนดูกันจริง ๆ ตามประวัติศาสต์แล้วในสมัยก่อนนั้นลีก NBA ที่ผู้เล่นหลาย ๆ คนต่างใฝฝั่นกลับไม่มีพื้นให้กับเหล่าผู้เล่นจากยุโรปเลย
ซึ่งมันไม่มีกฎไหนที่บอกเลยว่าห้ามผู้เล่นจากยุโรป หรือ ทวีปอื่น ๆ เข้ามาวาดลวดลายในเวที NBA
แห่งนี้ แต่ทว่าแท้จริงที่ในอดีตนั้นไม่ค่อยมีผู้เล่นจากยุโรปเข้ามาอยู่ในลีก NBA นั่นก็เพราะว่าผู้เล่นจากทวีปนอกอเมริกานั้นยังไม่มีความแข็งแกร่งพอที่เข้ามาสอดแทรกในเวทีแห่งนี้ได้นั่นเอง
ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะพอทราบดีว่าจริง ๆ แล้วทวีปยุโรปนั้นกีฬาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งของหลาย ๆ ประเทศนั่นก็คือกีฬาอย่างฟุตบอลนั่นเอง มันจึงทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าส่วนใหญ่แล้วสังคมครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้นถ้าจะเลือกเล่นกีฬาใดกีฬาหนึ่งพวกเขาก็มักจะเลือกกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากอยู่แล้ว จึงทำให้การพัฒนาของผู้เล่นจากยุโรปทางด้านบาสเกตบอลนั้นค่อนข้างที่จะน้อยกว่าทางด้านอเมริกาอยู่พอสมควร
แต่ถึงแบบนั้นก็ใช้ว่าตัวของลีก NBA จะปล่อยให้มันเกิดความห่างกันขึ้น เพราะว่างทาง NBA เองก็ต้องการที่สร้างฐานการตลาดของตัวเองให้มันขยายใหญ่ขึ้น โดยในยุคของ เดวิด สเติร์น ยังคงดำรงตำแหน่งประธานลีก NBA เขาก็ได้เริ่มขยับฐานของ NBA เพื่อเข้าไปเฟ้นหาเหล่าผู้เล่นจากยุโรปมากขึ้น
และจากการเข้าไปเว้นหาในเวทีบาสยุโรปนี้เองที่ทำให้ NBA ถึงกันตาลุกวาวเพราะว่าผู้เล่นจากยุโรปเองก็มีหลาย ๆ คนที่มีฝีมือดีพอที่เข้าสู่เวที NBA ของพวกเขาได้เช่นกัน
โดยผู้ที่กรุยทางของผู้เล่นจากยุโรปในNBA คนแรกเลยนั่นก็คือ ชายที่มีชื่อว่า ฟริโด เฟรย์
ซึ่งเขาคนนี้ได้เดินทางมาจากประเทศเยอรมันเพื่อลงเล่นให้กับทีมอย่าง นิวยอร์ค นิกส์ แต่ก็น่าเสียดายที่เขาก็สามารถเล่นได้สั้น ๆ เพียงแค่ 28 เกมเท่านั้น แต่จะได้เล่นไม่มากแต่มันก็ถือว่าเป็นการเปิดทางให้กับบรรดาผู้เล่นจากยุโรปที่พร้อมจะเข้ามาวาดลวดลายลงสังเวียน NBA
จึงทำให้ยุค 80 – 90 นั้นได้มีผู้เล่นจากยุโรปเดินทางมายัง NBA เพื่อที่ขอคัดฝีมือจากการเข้าแคมป์ซัมเมอร์ลีก รวมไปถึงการเข้าแคมป์การดราฟต์ แต่มันก็น่าเสียดายที่ในช่วงนั้นกลับไม่มีผู้เล่นจากยุโรปคนไหนเลยที่สามารถประสบความสำเร็จได้ จึงทำให้หลาย ๆ คนเริ่มมองว่า แท้จริงแล้วตัวของบาส NBA นั้นปิดกัน และ มีความเป็นชาตินิยมมากเกินไปหรือเปล่า
จนแต่แล้วในที่สุดก็ผู้เล่นจากยุโรปคนแรกที่สามารถทำลายกำแพงนี้ลงได้สักที โดยเขาคนนั้นก็คือ เดเลท เชร์มป สุดยอดฟอร์เวิร์ดจากประเทศเยอรมันนี ที่ได้มาแจ้งเกิดกับทีมอย่างซีแอตเทิล ซุปเปอร์โซนิค
โดยตัวของเชร์มปถือได้ว่าเป็นผู้เล่นจากยุโรปที่มาจากประเทศเยอรมันนีที่ต้องมีความตั้งใจ
และ ตั้งมั่นว่าอยากจะเข้ามาเล่นในลีก NBA โดยัตวของเขาได้เลือกที่จะเอาทุนมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน แต่ถึงแบบนั้นตัวของเขาก็ใช่ว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะว่าคุณภาพของผู้เล่นใน NBA นั้นค่อนข้างที่จะมีมาตรฐานสูงเอามาก ๆ ถึงขนาดนี้ว่าตัวเขาที่ถูกดราฟต์ตัวเข้าสู่ NBA เป็นอันดับที่ 8 ยังต้องซูฮกเลยทีเดียว แถมเมื่อเขาได้เข้ามาสู่เวทีอย่าง NBA แล้ว เขาก็ยังต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรอง
ไม่ใช่เพียงแค่ตัวของ เดเลท เชร์มป เท่านั้นหรอกที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ เพราะแม้กระทั่งผู้เล่นจากยุโรประดับตำนานอย่างตัวของ ดราเซน เปโตรวิช จาก นิวเจอร์ซี่ย์ เน็ตส์ เองก็ต้องเจอกับสถานการณ์แบบเดียวกัน โดยแม้ว่าตัวของ ดราเซน จะมีรางวัล
การันตีเป็นถึงเหรียญเงิน และ เหรียญทองแดงจากโอลิมปิก รวมถึงยังมีเหรียญทองจากการแข่งขันบาสชิงแชมป์โลกมาแล้วก็ตาม แต่เหรียญเหล่านั้นกลับไร้ประโยชน์เมื่อเขาได้เข้าสู่ลีก NBA
โดย 3 ฤดูกาลแรกตัวของ ดราเซน เปโตรวิช ซึ่งเป็นผู้เล่นจากยุโรปไม่เคยได้รับโอกาสให้ลงเล่นเป็นตัวจริงแม้แต่หนเดียว
แต่ด้วยความพยายามของเขาที่ต้องการจะพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นนี้เองมันจึงทำให้สุดท้ายแล้ว ดราเซ่น ก็ได้แสดงศักยภาพของตัวเองให้ทุกคนได้เห็นเวที NBA ว่าผู้เล่นจากยุโรปก็เก่งไม่แพ้กัน โดยเขาสามารถทำแต้มเฉลี่ยต่อเกมได้ถึง 22 แต้มต่อเกม และยังคงพัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็ได้กลายเป็นผู้หลักตัวหลักของ เน็ตส์
แต่มันก็กลายเป็นเรื่องแสนน่าเศร้าที่สุดท้ายนแล้วผู้เล่นจากยุโรปอย่างดราเซน เปโตรวิชต้องมาจบชีวิตของตัวเองลงในวัยเพียงแค่ 28 ปีเท่านั้น โดยสาเหตุนั่นก็มาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
แต่ถึงตัวของ ดราเซน จะจากไปสิ่งที่เข้าทิ้งไว้ให้กับบรรดาเหล่าผู้เล่นจากยุโรปนั้นกลับยิ่งใหญ่จนประเมินค่าไม่ได้ เนื่องจากมันทำให้เหล่าแฟนบาสในอเมริกาเริ่มหันมามองบรรดาเหล่านักบาสจากยุโรปกันมากขึ้น ซึ่งจุดเด่นของบรรดาผู้เล่นจากยุโรปที่เหนือกว่าผู้เล่นจาก NBA นั่นก็คือ การเริ่มต้น
เพราะว่าที่ยุโรปนั้นแม้ว่ากีฬาหลักส่วนใหญ่จะเป็นฟุตบอลก็ตาม
แต่ทว่าทุกกีฬาที่อยู่ทางฝั่งยุโรปจะมีการเรียน การซ้อมที่เริ่มต้นเร็วกว่า โดยหนึ่งในผู้เล่นจากยุโรปอย่าง โทนี่ คูโคช ผู้คว้าแชมป์ 3 สมัยร่วมกับชิคาโก้ บูลส์ ก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับการฝึกกีฬาบาสเกตบอลอาชีพตั้งแต่เขามีอายุเพียงแค่ 15 ปีเช่นกัน
ซึ่งบาสเกตบอลในยุโรปนั้นจะมีระบบการเล่นที่เริ่มมาตั้งแต่ชุดเยาวชน และจากนั้นก็จะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาเรื่อง ๆ จนมาถึงชุดใหญ่ซึ่งระบบส่วนใหญ่ก็จะไม่ต่างอะไรกับฟุตบอลในยุโรปเลย โดยถ้าเราจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพนั่นก็คือสโมสรบาสที่พัฒนาผู้เล่นจากยุโรปดี ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น บาเซโลน่า หรือ เรอัล มาดริด
ซึ่งสโมสรเหล่านี้จะมีระบบเยาวชนที่ทำขึ้นมาเพื่อไล่หลังบรรดาเหล่ารุ่นพี่ในทีม แถมยังทำให้บรรดาเหล่าเด็กที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นผู้เล่นจากยุโรปที่เดินทางเข้าสู่ NBA ได้ลงสนามแข่งจริงตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งการลงแข่งขันตั้งแต่เด็กนี้เองที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถที่มีประสบการณ์รวมถึงมีความเข้าใจเกมในการแข่งแบบมืออาชีพมากกว่าเหล่าผู้เล่นใน NBA
แต่ทว่าเรื่องราวของบราดาเหล่าผู้เล่นจากยุโรปที่ได้เข้ามาโลดแล่นสู่เวทีของ NBA ยังไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้ เอาไว้เดี๋ยวครั้งหน้าเราจะมาเล่นถึงพัฒนาของผู้เล่นจากยุโรปในเวที NBA นี้กันต่อ ซึ่งพวกเขาจะเฉิดฉายในเวทีแห่งนี้ได้ขนาดไหน เรามาติดตามกันต่อกันในครั้งหน้า dunkswin9
เครดิต : สล็อตแตกง่าย