หากพูดถึงกีฬาบาสเกตบอลแล้วภาพที่เราจินตนาการออกเป็นอย่างแรกนั่นก็คือ เหล่าบรรดาเหล่าชายร่างกำยำ ที่กำลังเลี้ยงลูกบาสอยู่ท่ามกลางสนามเพื่อพยายามทำแต้มของอีกฝ่ายให้ได้นั่นเอง แต่ทว่าเพราะความเป็นสากลของกีฬาประเภทนี้นี่เองที่ทำให้ความชื่นชอบ และ ความหลงใหลในกีฬานี้ไม่ได้มีแต่เพียงผู้ชายอย่างเดียว
ซึ่งแน่นอนว่าก็มีบรรดาเหล่าผู้หญิงไม่น้อยเลยที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาชนิดนี้
แถมในปัจจุบันยังมีลีกสำหรับเหล่านักกีฬาบาสเกตบอลหญิงให้มาประชันฝีมือกันแล้วอีกด้วย ซึ่งในบรรดาเหล่าผู้หญิงพวกนั้นกลับมีนักกีฬาคนหนึ่งที่ถือได้ว่าโดดเด่นเป็นอย่างมา แต่ทว่า สุดท้ายเธอกลับประกาศเลิกเล่น ด้วยเหตุผลที่ทำให้หลาย ๆ คนชวนตะลึง ซึ่งนักกีฬาหญิงที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันในวันนี้ เธอมีชื่อว่า มายา มัวร์
แน่นอนเมื่อส่วนใหญ่แล้วทุกคนมักจะรู้จักกับนักกีฬาที่เป็นผู้ชายซะมากกว่า ดังนั้นก่อนที่เราจะไปดูเหตผลที่เธอประกาศเลิกเล่น เราขอพาคุณไปย้อนชมเรื่องราวของเธอกันก่อนดีกว่า
โดยตัวของ มายา มัวร์ นั้นถือได้ว่าเป็นคนที่เกิดมาในครอบครัวที่มีกีฬาบาสเกตบอลห้อมล้อมอยู่แล้ว
เนื่องจากคุณพ่อของเธออย่าง ไมค์ แดบนีย์ เคยถูกคัดเลือกเข้าสู่ทีมลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ในปี 1976 ส่วนทางด้านคุณแม่ของเธอก็เป็นคนที่สนับสนุนกีฬาด้านนี้โดยการ นำห่วงบาสมาติดไว้ที่ด้านหลังประตูบ้าน เพื่อให้เธอได้สัมผัสสิ่งที่เรียกว่าบาสเกตบอลตั้งแต่ 3 ขวบ
และแน่นอนว่าเมื่อชีวิตของเธอโตมากับบาส ทางครอบครัวของเธอก็ได้สนับสนุนด้านนี้อย่างเต็มที่ โดยเมื่อสมัยเรียนที่โรงเรียน เธอได้กลายเป็นผู้เล่นระดับตำนาน ด้วยการทำลายสถิตสุดโอเวอร์มากมาย จนทำให้มหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตส่งเทียบเชิญเธอเข้ามาสู่รั้วมหาวิทยาลัย
และเมื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัยฟอร์มการเล่นของเธอก็ยังถือได้ว่าโหด ๆ จัด เพราะว่าเธอคนนี้ได้กลายเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามา โดยเธอสามารถทำแต้มเฉลี่ยสูงสุดได้ที่ 17.8 ต่อเกม แถมเธอคนนี้ยังเป็นผู้เล่นที่สามารถตำนานการเป็นผู้เล่นปี 1 คนแรกที่สามารถคว้ารางวัลผู้เล่นแห่งปีในดิวิชั่นบิ๊กอีสต์อีกด้วบ
หากคุณคิดว่านั่นคือที่สุดแล้วบอกเลยว่า คุณกำลังคิดผิด เพราะว่าหลังจากนั้นตัวของ มายา ยังพัฒนาทักษะความสุดยอดของเธอขึ้นไปอีกในหลาย ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้เล่นที่ทำแต้มครบ 1,000 คะแนนเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัย แถมในปี 2009 เธอยังคว้ารางวัลผู้เล่นแห่งปีในดิวิชั่นบิ๊กอีสต์มาครอบครองได้อีกสมัย แต่ในครั้งนี้มันพ่วงมาด้วยรางวัลอย่าง
เวด โทรฟี่ (Wade Trophy) หรือ รางวัลนักบาสเกตบอลหญิงที่ดีที่สุดในระดับมหาวิทยาลัย นั่นเอง
เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องรู้สึกว่าเธอเก่งมาก ๆ และแน่นอนว่าความเก่งของเธอนี้มันถูกยอมรับถึงขนาดที่ หลาย ๆ คนต่าก็ยกย่องให้ มายา มัวร์ เป็นนักบาสเกตบอลหญิงที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา แต่การที่จะพิสูจน์คำพูดเหล่านี้ได้นนั้น สิ่งทแรกที่เธอต้องเผชิญนั่นก็คือ การลงในลีกของซะก่อน
โดยเส้นทางของเธอเริ่มได้รับการพิสูจน์ในปี 2011 โดยเธอคนนี้ได้ถูกดราฟเข้าสู WNBA
กับทีมอย่า มินเนโซตา ลินซ์ และเพียงแค่ปีกแรกเท่านั้น เธอก็พา มินเนโซตา ลินซ์ คว้าแชมป์ WNBA ได้ตั้งแต่ปีแรกที่เธอเข้ามา แถมการคว้าแชมป์ในครั้งนี้ยังส่งผลให้เธอได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปีไปด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นเพราะว่าในปี 2012 ที่มีศึกใหญ่อย่างโอลิมปิกที่ลอนดอน เธอคนนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในขุนผลทีมชาติอเมริกา ที่สามารถพาทีมทะลุเข้าถึงรอบชิง และ คว้าเหรียญทองของกีฬาบาสหญิงมาประดับไว้ที่คอได้สำเร็จอีกด้วย แต่ทว่ามันก็น่าเสียดายนิดหน่อยที่ผลงานในสโมรสรนั้นยังไม่ค่อยดี เนื่องจากทีมของเธอพลาดแชมป์ WNBA ไป
แต่พอต่อมาในปี 2013 เธอคนนี้ก็สามารถกลับมาคว้าแชมป์กับทีมได้อีกครั้ง แถมในครั้งนี้เธอยังได้ตำแหน่งผู้เล่น MVP ไปครองสำเร็จ ก่อนที่ต่อมาในปี 2014 ทีมของเธอจะวืดแชมป์ และ กลับมาทวงบังลังก์ความยิ่งใหญ่อีกทีในปี 2015
พออ่าน ๆ ไปแล้วมันก็เหมือนเรื่องตลกเพราะว่าเธอคนนี้สามารถคว้าแชมป์กับทีมต้นสังกัดของเธอได้แบบปีเว้นปี แต่ทว่าไอ้เรื่องที่เหมือนเรื่องตลกนี้เองมันกลับสร้างรอยฉีกขาดบางอย่างที่อยู่ในจิตใจของเธอ จนกระทั่งเมื่อฤดูกาล 2019 กำลังจะเดินทางมาถึง สิ่งที่หลาย ๆ คนต้องตกใจนั่นก็คือ เธอกประกาศเลิกเล่น ทั้ง ๆ ที่ทุก ๆ อย่างของเธอกำลังอยู่ในจุดพีคเลยก็ว่าได้
ซึ่งแม้ว่าภายนอกเธอจะเป็นที่ดูมีแววเป็นแชมป์เปี้ยนตลอดเวลาในสนาม แต่ทว่าเธอกลับสารภาพตรง ๆ ว่า ภายในของเธอนั้นรู้สึกว่างเปล่า และ หมดแพชชั่นกับกีฬาประเภทนี้ไปทุก ๆ วัน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้เห็นข่าวของชายที่ชื่อว่า โจนาธาน ไอออนส์ ที่ถูกกระบวนการยุติธรรมของสหัรัฐอเมริกาปฏิบัติย่างไม่เป็นธรรม
ด้วยความที่เป็นคนที่เคร่งศาสนาอยู่พอสมควร มันจึงทำให้เธอเริ่มมองสำรวจตัวเองเสียใหม่ และ ได้พบว่าการเป็นนักบาสเกตบอลของเธอนั้นมันไม่ได้ช่วยให้เพื่อนมนุษย์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามปณิธานของพระเจ้าเลยแม้แต่น้อย จึงทำให้เธอเลือกทำสิ่งที่จะตอบสนองต่อพระเจ้า ด้วยการลุกขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ผู้ปราศจากความผิด และ คน ๆ นั้นก็คือ
โจนาธาน ไอออนส์
โจนาธาน ไอออนส์ ต้องกลายเป็นนักโทษที่ติดคุกแบบไม่เป็นธรรมตั้งแต่อายุ 16 ปี จากความผิดที่เขาไม่ได้ก่อในปี 1998 โดยเขาถูกจับในข้อหาลักขโมย และ เจตนาใช้อาวุธปืนทำร้ายร่างกาย ซึ่งไอรอนปฏิเสธอทุกข้อกล่าวหา แต่ทว่าตำรวจกลับไม่ฟังความจริง จนทำให้เขาต้องเข้าไปชดใช้ความผิดในคุกนานถึง 50 ปี
และเมื่อคนดังแห่งวงการบาสเกตบอลเริ่มลุกขึ้นทวงความยุติธรรมให้ สำนักข่าวต่าง ๆ ก็เริ่มโฟกัสที่เรื่องราวนี้กันมากขึ้น ซึ่งในขณะเดียวกันตัวของ มายา ก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะทำให้ตัวของ ไอออนส์ พ้นผิดให้ได้ ถึงขนาดที่ว่าเธอนั้นประกาศกร้าวอย่างชัดเจนว่า เธอจะไม่ขอกลับแตะบาสเกตบอลอีกหากช่วยให้ชายคนนี้พ้นผิดไม่ได้
จนกระทั่งในที่สุดการต่อสู้เพื่อคดีนี้ก็จบลง โดย ไอออนส์ได้ถูกปล่อยตัวออกจากเรืองจำในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2020 ซึ่งหากนับรวมแล้วตัวของ ไอออนส์ ต้องรับความผิดที่ตัวเองไม่ได้กระทำมายาวนานถึง 23 ปี เลยทีเดียว แต่เพราะการเรียนร้องเพื่อความยุติธรรมทำให้ความสนิทสนมของทั้งคู่พัฒนากันไปไกลเกินกว่าที่จะเป็นแค่เพื่อนที่ดี ในเดือนกันยาปีเดียวกัน ทาง ไอออนส์ และ มายา ก็ได้ประกาศแต่งงานกัน
ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้นี่เอง ที่มันเหมือนทำให้จิตใต้สำนึกของ มายา รู้สักว่าเธอยังสามารถทำอะไรเพื่อช่วยเหลือคนที่เสียโอกาสได้อย่างมากมาย จนทำให้ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะหันหลังให้กับวงการบาสไปตลอดกาล dunkswin9
เครดิต : สล็อตเว็บตรง