หากพูดถึงเรื่องราวของทีมบาสที่มีประวัตศาสตร์ยาวนาน และ เป็นที่รู้จักของใครหลาย ๆ คนแล้วละก็ คนที่ไม่เคยดู หรือ ติดตามวงการบาสเลยก็คงจะพูดถึงทีมที่มีชื่อว่า ชิคาโก บูลส์ เป็นทีมอันดับแรก ๆ นั่นก็เพราะว่าทีมนี้มันเคยเป็นทีมของนักบาสที่ทุกคนต่างก็รู้จักกันดีอย่าง ไมเคิล จอร์แดน นั่นเอง แต่สำหรับใครที่ดู หรือ ติดตามข่าวในวงการบาสมานานพอาสมควรแล้วละก็ ทีม ๆ ก็ไม่ได้มีผู้เล่นที่เป็นระดับตำนานเพียงแค่ ไมเคิล จอร์แดน คนเดียว แต่พวกเขายังมี 3 ประสานที่ช่วงให้เกิดยุคทองอันยิ่งใหญ่อีกด้วย ซึ่งในวันนี้เราจะมาขอกล่าวถึงชายอีกหนึ่งคนที่มีส่วนทำให้ ชิคาโก้ บูลส์ กลายเป็นทีมที่มีสถิติอันยอดเยี่ยมในการคว้าแชมป์มาครองได้ถึง 6 สมัย แถมเขาคนนี้ยังถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพื่อนซี้ของไมเคิล จอร์แดน อีกด้วย โดยเขาคนนี้ก็คือ สก๊อตตี้ พิพเพ่น
แต่ถึงว่า สก๊อตตี้ พิพเพ่น คนนี้จะดูดีมีสง่า ราศี จนแทบจะไม่ต่างอะไรกับจอร์แดน
ทว่าแท้จริงแล้วมันยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์เขานั้นรู้สึกว่ามันเปรียบเสมือนกับตราบาปในชีวิตของเขา ซึ่งเหตุการณ์นั้นมันคืออะไร เราไปเริ่มต้นอ่านเรื่องราวเรื่องนี้ของเขากัน
ถ้าถามว่าในตอนแรก สก๊อตตี้ พิพเพ่น สามารถที่จะระเบิดฟอร์มเหมือนดั่งที่ทีมหวังเอาไว้หรือไม่
เราก็สามารถตอบได้อย่างชัดเจนเลยว่า ไม่ เพราะในตอนนั้นเจ้าหนูคนนี้ไม่ได้มีทักษะอะไรที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นการขโมยบอล หรือ รีบาวน์ มันจึงทำให้ในช่วงนั่งเขาจำเป็นที่จะต้องนั่งดูเพื่อนเล่นอยู่ข้างสนามอยู่บ่อยครั้ง
แต่ถึงว่าเขาจะนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้เล่นสำรอง แต่ในช่วงเวลาฝึกซ้อมกับทีมเขาก็ต้องถูกรุ่นพี่กดดันหนักไม่ต่างกับคนอื่น แถมคนที่กดดันเขาหนักมาก ๆ ก็คือ ชาร์ลส โอ๊คลี่ย์ และ ไมเคิล จอร์แดน นั่นเอง ซึ่งหากใครคนไหนที่ไม่เข้าใจความทุ่มเทนี้ก็คงที่จะท้อและหนีมันไปซะดื้อ ๆ แต่สำหรับ สก๊อตตี้ พิพเพ่น มันกลับไม่ใช่แบบนั้น เขารู้ตัวดีกว่าสิ่งที่บรรดาเหล่ารุ่นพี่กดดันเขาอย่างหนักนั้นทำไปเพื่ออะไร
ฟอร์มของ สก๊อตตี้ พิพเพ่น เริ่มจัดจ้านขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ บูลส์ เสมือนได้ซุปเปอร์สตาร์ขึ้นมาช่วยทีมอีกหนึ่งคน และมันก็เป็นจริงดังนั้น เพราะว่าเขาคนนี้ได้ช่วยกันกับจอร์แดน พา ชิคาโก้ บูลส์ จบฤดูกาล 1991 ด้วยการเป็นแชมป์
ซึ่งแชมป์ครั้งนั้นมันเหมือนกับการเปิดประตูสู่ความสำเร็จของ สก๊อตตี้ พิพเพ่น เลยทีเดียว
เพราะหลังจากนั้น บูลส์ ก็กล่นเป็นที่ที่แข็งแกร่งและเดินหน้าทำสถิติคว้าแชมป์ NBA 3สมัยรวดจนถึงปี 1993 และยิ่งเวลาผ่านไป พิพเพ่น ก็ยิ่งพัฒนาจนกลายเป็นผู้เล่นระดับ Top แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม ทุกคนก็เหมือนยังมีคำถามอยู่ในหัวใจลึก ๆ ว่า ถ้าเกิดทีม ชิคาโก้ บูลส์ ไม่มีจอร์แดน พิพเพ่น และทีมจะแข็งเหมือนดั่งเช่นทุกวันนี้ไหม และหลังกจากนั้นเพียงไม่นาน จอร์แดน ก็ทำในสิ่งที่ทุก ๆ คนอยากรู้ เพราะเขาได้ประกาศเลิกเล่นแบบสุดช็อค
และแน่นอนว่าเมื่อเป็นคนที่เล่นเคียงค้างจอร์แดนมาตลอดมันจึงไม่แปลกใจเลยว่าหลักจากที่ จอร์แดน เลิกเล่นทุก ๆ ต่างก็เอาความหวังทั้งหมดมาเทกองรวมกันไว้ที่ สก๊อตตี้ พิพเพ่น ว่าเขาคนนี้จะสามารถแบกทีมได้เหมือนดั่งที่ จอร์แดน แบกได้หรือไม่
ซึ่งในฤดูกาล 1994 ชิคาโก้ บูลส์ ต้องทำการอุดรูรั่วที่จอร์แดนทิ้งเอาไว้
โดยพวกเขาได้เสริมแกร่งด้วยผู้เล่นมากมาย แต่ถึงจะแบบนั้นทุกคนในทีมก็ยังเคารพการตัดสินใจภายใต้การนำทีมของ สก๊อตตี้ พิพเพ่นแม้ว่ารัศมีความดังของเขาจะไม่สามารถเทียบชั้น จอร์แดนได้ก็ตามที และ พิพเพ่นก็สามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นได้แล้วว่า เขาคนนี้สามารถทดแทนการขาดหายไปของจอร์แดนได้ แถมเขาคนนี้ยังเป็นคนที่ช่วยกรุยทางให้บูลส์เข้าสู่รอบเพลย์ออฟอย่างอย่างดาย จนกระทั่งพวกเขาต้องมาเจอทีมอย่าง นิวยอร์ก นิกส์
อย่างที่หลาย ๆ คนเห็นมาก่อนหน้านี้ ตัวของ สก๊อตตี้ พิพเพ่น นั้นเปรียบเสมือนกับผู้เล่นที่พร้อมทำเพื่อทีม เขาไม่สนจะฉายเดียว แต่เขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ แต่แล้วในเกมที่เจอกับก นิกส์ ทุกอย่างกับไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะในเกมที่เจอกับนิกส์ รอบที่ 3 การแข่งขันที่เป็นไปอย่างสูสี จนต้องมาวัดผลช่วงท้าย ซึ่งถ้าเพลยนี้ บลูส์ สามารถทำแต้มได้ พวกเขาจะเป็นฝ่ายชนะทันที
ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนน่าจะคิดเหมือนกันหมดว่า ผู้ที่จะทำแต้มปิดเกมนี้จะเป็นใครเป็นไม่ได้นอกจาก สก๊อตตี้ พิพเพ่น แต่ทว่าคนที่ไม่ได้คิดแบบนั้นมันดันกลับเป็นโค้ชของทีมอย่าง ฟิล แจ็คสัน เพราะว่าเขาต้องการที่จะให้ คูโคช ผู้เล่นหน้าใหม่เป็นคนปิดฉากเพลย์นั้นไป แต่ทว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้นก็คือ ชายที่บอกอยู่ทุกครั้งว่าทำเพื่อทีมอย่าง พิพเพ่น
สก๊อตตี้ พิพเพ่น โกรธจัดจนทำให้เขาเข้าปะทะคารมกับ ฟิล แจ็คสันในช่วงขอเวลานอก
แถมยังไม่ขอลงเล่นในเพลย์นั้นอีกต่างหาก เนื่องจาก ฟิล ก็ยังคงยืนยันอย่างหนักแหน่งว่า คูโคช จะต้องเป็นเป็นผู้ปิดฉากเพลย์นี้
ซึ่งหลังจากกลับมาเพลย์ต่อมันก็เลยกลายเป็นช่วงเวลาวัดใจของทั้ง สก๊อตตี้ พิพเพ่น และ ฟิล ไปพร้อม ๆ กัน เพราะว่าตอนนี้ต่างคนต่างก็ถือความมั่นใจของตัวเองไว้ในมือ ซึ่งสุดท้ายความคิดของ ฟิล ก็เป็นฝ่ายถูกต้องเพราะ คูโคช สามารถยิงลูกปิดฉากลงไปได้สำเร็จ เสียงเฮลั่นดังกึกก้องในสนามแฟนบูลส์ รวมถึงผู้เล่นต่างพากันดีใจ แต่ทว่ากลับมีคนหนึ่งนั่งเงีบบไม่ไหวติด เขาคือ พิพเพ่น นั่นเอง
แน่นอนว่าทุกคนงงกับภาพลักษณ์ที่แสดงออกมาของ สก๊อตตี้ พิพเพ่น เป็นอย่างมาก เพราะว่าไม่เคยมีใครเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน แต่แน่นอนว่า พิพเพ่น ก็ยังคงเป็นคนเดิม หลังจากเกมจบ เขาตัดสินใจเข้าไปเปิดใจขอโทษทั้งโค้ช และ ทุกคนแบบตรง ๆ ในห้องแต่งตัว ก่อนที่ทุกคนจะอภัย และ มุ่งหน้าทำผลงานกันต่อ
แต่มันก็น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วในปีนั้นการขาดไมเคิล จอร์แดน ไปก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่อาจหาอะไรมาทดแทนได้จริง ๆ จนทำให้ในที่สุดพวกเขาถูก นิกส์ ไล่เบียดมาจนในที่สุดพวกเขาก็จอดเพียงรอบ 2 เท่านั้น
และนี่ก็คือหนึ่งในเรื่องราวของ สก๊อตตี้ พิพเพ่น ผู้เล่นผู้มีท่าทีอันสุภาพอ่อนน้อมที่ยอมให้อารมณ์โมโห เข้ามาเกาะกินจิตใจ แต่ก็ยังถือว่าโชคยังดีที่เขาคนนี้ยังเรียกสติของตัวเองกลับมาได้ทัน และ ร่วมสร้างตำนานกับชิคาโก บูลส์ จนกลายเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่มีความโด่งดังไม่แพ้จอร์แดน dunkswin9