ชิคาโก้ บูลส์ คืออีกหนึ่งที่มีประวัติศาตร์อันอย่างยาวนาน และ แน่นอนว่าหากใครพูดถึงเรื่องราวของชิคาโก้ บูลส์ ภาพของตำนานแห่งวงการบาสเกตบอลอย่าง ไมเคิล จอร์แดน ก็จะต้องโผล่ขึ้นมาในหัวของคุณเป็นอันดับแรก ๆ กันเลยใช่ไหมละ แต่ทว่าทีมนี้เองก็ไม่ได้มีนักบาสคนเดียวที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้วงการต้องจารึก เพราะว่าในเกมที่ 6 รอบชิงชนะเลิศ NBA ในปี 1997 ซึ่งเป็นเกมที่ ชิคาโก้ บูลส์ ได้ปะทะกับคู่ปรับอย่าง ยูท่าห์ แจ๊ซ มันก็ได้เกิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นจากผู้เล่นคนหนึ่ง ผู้ที่ได้ชื่อว่าสุดจืดจาง ซึ่งไม่มีใครคิดว่าเขาจะกลายเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในเกมคืนนั้น เขาคนนั้นก็คือ ชายที่มีชื่อว่า
สตีฟ เคอร์
ตัวของ สตีฟ เคอร์ นั้นเกิดที่ เบรุต เมืองหลวงของประเทศเลบานอน ซึ่งเพราะหน้าที่การงานของคุณพ่อ คุณแม่ ที่ต้องทำงานเพื่อช่วยนเหลือเด็กกำพร้าทำให้ตัว สตีฟ เคอร์ นั้นต้องเดินทางไป ๆ มา ๆ ในประเทศแถบตะวันออกกลางหลากหลากหลายประเทศ จนสุดท้ายแล้วเขาก็ได้เข้ามาเรียนไฮสคูลที่ประเทศอเมริกา
หลังจากที่ตัวของ สตีฟ เคอร์ เรียนจบไฮสคูลเขาก็เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไป แต่ทว่าระหว่างที่เขาเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยปี 1 ได้ไม่นานนั้น เขาก็ต้องได้รับข่าวร้าย เมื่อ มัลคอม เคอร์ พ่อของเขาซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยอเมริกันในกรุงเบรุต ถูกลอบสังหารด้วยการยิงศีรษะจากทางด้านหลัง และ ชีวิตทันที
ความโศกเศร้าในการเสียคุณพ่อไปอย่างไม่มีวันกลับนั้นมันทำให้ สตีฟ เคอร์ ตัดสินใจหยิบเอาลูกบาสออกไปซ้อมตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง โดยเขาหวังว่า บาส จะทำให้เขาลืมความเสียใจที่เกาะกุมอยู่ทุกอณูในหัวใจของเขาได้ แม้มันจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น
การหนีความโศกเศร้านี้เองที่ทำให้ตัวของ สตีฟ เคอร์
ต้องออกไปเล่นบาสทุกวันในช่วงแรก ๆ ที่พ่อของเขาถูยิงเสียชีวิต ซึ่งแน่นอนแหละว่าการเล่นบาสเพื่อหนีความเศร้านี้เขาไม่สามารถที่จะทำได้ตลอดชีวิต แต่ถึงแบบนั้นตัวของ สตีฟ เคอร์ เองก็ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวในการเรียนรู้รสชาติชีวิตที่แท้จริง เขางดที่จะปริปากพูดถึงเรื่องราวการเสียชีวิตของคุณพ่อ และ เดินหน้าอย่างเต็มที่ในฐานะนักกีฬาทุนของมหาวิทยาลัยแอริโซน่า
ซึ่งความมุ่งมั่นของเขานี้เองที่ทำให้ สตีฟ เคอร์ สามารถพาทีมเข้าไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายของการแข่งขัน NCAA ชิงแชมป์ประเทศได้ในปี 1988 แถมเขายังกลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ด้วยสไตล์การเล่นวงนอกที่สามารถหาตัวจับได้ยาก และเพราะผลงานอันโดดเด่นนี้เองที่ทำให้สุดท้ายแล้ว รายชื่อของ สตีฟ เคอร์ ก็ได้ถูกดราฟต์เข้าสู่ NBA ในที่สุด
โดยตัวของ สตีฟ เคอร์ ถูกดราฟต์โดยฟีนิกซ์ ซันส์ ในปี 1988 ก่อนที่จะถูกเทรดต่อไปทีมอย่าง คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส และ ออร์แลนโด้ แมจิค ช่วงเวลาตั้งแต่ปี 1988 จนถึงปี 1993 ซึ่งถามว่าในช่วงเวลานั้นตัวของ สตีฟ เคอร์ นั้นมีผลงานอะไรบ้าง เราก็ต้องตอบตามจริงว่า เขาไม่ได้มีผลงานโดดเด่นอะไรเป็นชิ้น เป็นอันเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่สุดท้ายแล้วตัวของ สตีฟ เคอร์ จะถูกปล่อยให้กลายเป็นผู้เล่นฟรีเอเย่นต์ และจังหวะนั้นเอง ทีมอย่าง ชิคาโก้ บูลส์ ก็ได้ไปเซ็นสัญญากับเขาเพื่อมาเสริมทัพ
ถ้าหากถามว่า สตีฟ เคอร์ ตอนเป็นผู้เล่นนั้นเก่งไหม
เราก็ต้องยอมรับกันตรงว่า เขามีฝีมืออยู่ในระดับหนึ่ง แต่ทว่าเมื่อมามองภาพรวมของเวที NBA ที่เต็มไปด้วยเหล่าผู้เล่นชั้นยอดที่มีทักษะต่าง ๆ ในหลาย ๆ ด้าน ตัวของ สตีฟ เคอร์ นั้นกลับมีทักษะเพียงแค่ความแม่นยำในการทำคะแนนเพียงอย่างเดียว แถมทักษะการทำ 3 แต้มของเขานั้น จะทำได้เฉพาะตอนที่มีพื้นที่โล่ง ๆ ไม่มีใครประกบ
เลยทำให้แม้ว่าตัวของ สตีฟ เคอร์ จะเข้ามาสู่ทีม ชิคาโก้ บูลส์ เขาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากนัก จนเรียกได้ว่าเป็นเพียงแค่ตัวประกอบแสนจืดจาง แถมผลงานของชิคาโก้ บูลส์ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้พีคอะไรมาก เนื่องจากการประกาศรีไทร์รอบแรกของไมเคิล จอร์แดน นั่นเอง มันเลยทำให้ใน 2 ปีแรก ตัวของ สตีฟ เคอร์ กับ ชิคาโก้ บูลส์ นั้นไม่ได้ถูกพูดถึงอะไรสักเท่าไหร่นัก
แต่แล้วทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อในที่สุดราชาแห่งวงการบาสเกตบอลอย่าง ไมเคิล จอร์แดน ก็ตัดสินใจคืนบังลังก์ ซึ่งการกลับมาของจอร์แดนนี้เองที่ทำให้ ชิคาโก้ บูลส์ ผลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะพอรู้จักกับนิสัยของจอร์แดนกันมาบ้างแล้วว่า ตัวของเขานั้นค่อนข้างที่จะ จริงจังกับเกม และ ค่อนข้างที่ไม่ชอบพวกที่ทำตัวเหลาะแหละ มันเลยทำให้บรรดาเหล่าผู้เล่นในทีมทั้งหมดถูกกระตุ้นในทุกช่วงเวลาแม้กระทั่งการซ้อม ซึ่งแน่นอนแหละว่า สตีฟ เคอร์ เองก็เป็นหนึ่งในคนที่ถูกจอร์แดนกระตุ้น แถมเขายังเธอถูกจอร์แดนดึงสติด้วยการชกหน้ามาแล้วอีกด้วย
สตีฟ เคอร์ ค่อย ๆ ผลักดันศักยภาพของตัวเองขึ้นมาได้เรื่อย ๆ และ ความแม่นของเขาก็เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่ามันมีประโยชน์กับทีมมากแค่ไหน ซึ่งในตอนนั้น 3 ประสานแห่งบูลส์อย่าง ไมเคิล จอร์แดน, สก็อตตี้ พิพเพ่น กับ โทนี่ คูโค้ช หรือแม้กระทั่ง
เดนิส ร็อดแมน ก็สามารถทำหน้าที่บุกทะลวงเข้าสู่วงในได้อย่างร้อนแรง จนเป็นผลพวงทำให้ตัวของ สตีฟ เคอร์ นั้นมีทีว่างในการเล็ง 3 แต้ม จนทำให้ หลาย ๆ คนที่ได้เห็นเกมบุกของ ชิคาโก้ บูลส์ นั้นถึงกับกล่าวขานว่า ชิคาโก้ บูลส์ นั้นตอนนั้นแข็งแกร่งทั้งวงใน และ วงนอก
และนั่นเองก็คือจุดเริ่มต้นของการกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งของ ชิคาโก้ บูลส์ แต่ทว่าเส้นทางไหนกันละที่จะทำให้ตัวของ สตีฟ เคอร์ แปรเปลี่ยนจากผู้เล่นอันแสนจืดจางกลายมาเป็นตำนาน เอาไว้เดี๋ยวเรามาติดตามกันต่อในครั้งหน้า dunkswin9