หากพูดถึงกีฬาบาสเก็ตบอล หรือ การเล่นบาสเก็ตบอลขึ้นมา เราเชื่อเลยว่าสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนต่างก็ต้องนึกถึงเลยนั่นก็คือ ผู้เล่นระดับตำนานอย่าง ไมเคิล จอร์แดน ซึ่งชื่อเสียงของเขาคนนี้มันไม่ใช่เพียงแค่คนติดตามวงการบาสเก็ตบอลเท่านั้นที่รู้จักเขา แต่มันยังมีอีกหลายคนที่แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในวงการบาสเก็ตบอลก็รู้จักชื่อเสียงของบุรษคนนี้เป็นอย่างดี
แล้วเพราะเหตุใดกันทำไมชายคนนี้ถึงกลายเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างได้เช่นดี ก่อนอื่นเราก็ต้องของย้อนรำลึกไปถึงความหลังไปเรื่องราวของเขากับแบบคร่าว ๆ ก่อน โดยเขาคนนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง ไอคอนของยุค 90 ซึ่งฟอร์มในตอนนั้นของเขากับชิคาโก้ บูลส์ มันถือได้ว่าเป็นอะไรที่เหนือมนุษย์มากเลยจริง ๆ โดยเขาสามารถพาทีมชิคาโก้ บูลส์คว้าแชมป์ NBA ไปได้ถึง 6 สมัย แถมไอ้ 6 สมัยนั้นยังเกิดในรอบทั้ง 8 ปีอีกด้วย แถมไอ้ 2 ปีที่หายไปนั้นก็มาจากที่ ไมเคิล จอร์แดน เกิดเบื่อเส้นทางบาสและหันไปลองจับกีฬาใหม่อย่างการเล่น เบสบอลเป็นการชั่วคราว ก่อนที่จะตัดสินใจกลับมาเอาดีด้านบาสอีกครั้ง ก่อนที่ในที่สุดเขาก็จะตัดสินใจรีไทร์ตัวเองออกจากวงการยัดห่วงในที่สุด
แต่สิ่งที่เราจะมาพูดถึงกันหลัง ๆ ในวันนี้กลับไม่ใช่เรื่องราวผลงานในสนามของเขา
เพราะเราเชื่อว่าคงมีการทำประวัติ รวมถึงวีรกรรมสุดเด็ดดวงของต่าง ๆ มากมายจนหลาย ๆ คนอ่านกันจนทะลุปุโปร่งกันไปหมดแล้ว แต่ในครั้งนี้เราจะมาพูดถึงเส้นทางหลังจากการเลิกเล่นของเขากันต่าง ๆ หาก
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วนักกีฬาหลาย ๆ คนเมื่อตัดสินใจรีไทร์ตัวเองจากวงการกีฬาสิ่งที่พวกเขาโดยส่วนใหญ่จะต้องประสบปัญหาตามมาหลังจากการเลิกเล่นนั่นก็คือ ภาวะหนีสิ้น รวมถึงภาวะด้านการเงินต่าง ๆ นั่นเอง เนื่องจากในช่วงตลอดที่เป็นนักกีฬานั้นพวกเขามักจะมีเงินใช้อย่างไม่ขาดสาย แถมเงินที่ได้ยังเป็นเงินที่ค่อนข้างมากพอสมควร จึงทำให้เมื่อสายป่านพวกนี้ขาดลง พวกเขาก็ไม่อาจจะหาอะไรมาทดแทนได้จนเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น
แต่ทว่ามันไม่ใช่กับชายผู้เป็นตำนานของ NBA คนนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะแม้จอร์แดนจะเลิกเล่นบาสมานานเกินกว่า 20 ปีไปแล้วกํตาม แต่ทว่าเขาคนนี้ยังคงขึ้นแท่นเป็นนักกีฬาระดับซุปเปอร์สตาร์ที่สามารถทำเงินได้สูงสุดกว่าใครหลาย ๆ คนอยู่ที่ โดยถ้าให้ตีเฉลี่ย เขาสามารทำรายได้มากถึง 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 66,150 ล้านบาท โดยข้อมูลนี้ได้อ้างอิงมาจากการจับอันดับจของนิตยสาร Forbes แถมเขาคนนี้ยังติดอันดับมหาเศรษฐี รวมถึงการขึ้นแท่นเป็นนักกีฬาที่สามารถทำเงินได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย
เพราะอะไรมันถึงเป็นแบบนั้น เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงตั้งคำถามนี้กัน โดยคำตอบนั่นก็คือ
เพราะจอร์แดนเป็นคนที่มีความฉลาดในการลงทุนนั่นเอง แม้ว่าเขาจะเลิกเล่นไปแล้วเขาก็ยังมีการลงทุนในสิ่งต่าง ๆ ที่คุ้มค่าเงินเป็นอย่างมากยกตัวอย่างเช่น การร่วมเป็นผู้ถือหุ้นหนึ่งในทีมดังอย่าง ชาร์ลอตต์ ฮอร์เนตส์ ในศึก NBA โดยตอนนั้นเขาลงทุนไป 175 ล้านดอลลาร์ แต่ทว่าสิ่งที่เขาได้คืนมาจากการลงทุนในครั้งก็คือ ปัจจุบันทีม ชาร์ลอตต์ ฮอร์เนตส์ ตอนนี้มีมูลค่าทีมพุ่งไปถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว ซึ่งต่อให้เขาถือหุ้นของทีมนี้อยู่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ผลตอบแทนที่ได้รับมาจากการทำธุรกรรมต่าง ๆ ของทีมนี้ก็ถือได้ว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่าอยู่ดี
นอกจากการลงทุนด้านบาสเก็ตบอลแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับเลยนั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของแบรนด์ Jordan ซึ่งบอกลเลยว่ามันเป็นอะไรที่หาทางต่อสู้ได้ยากจริง ๆ เพราะผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของจอร์แดนที่ได้เซ็นสัญญาร่วมกับ Nike นั้นได้แทรกซึมเข้าไปในทุกวงการเลยทีเดียว แต่มันก็มีเรื่องตลกที่หยิบเอามาเล่ากันขำ ๆ ว่า แท้ที่จริงแล้วตัวของ จอร์แดนเองไม่ได้อยากที่เซ็นสัญญากับ Nike เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าเขาอยากร่วมงานกับ Adidas มากกว่า แต่สุดท้ายของเสนอที่น่าสนใจที่สุดกลับเป็นของ Nike จนทำให้สุดท้ายแล้ว จอร์แดน ก็เลือกที่จะเซ็นสัญญากับ Nike และมันก็ได้กลายเป็นหน้าใหม่ของประวัติศาตร์แห่งผลิตภัณฑ์ของไนกี้ไปเลยทีเดียว
พอเล่ามาถึงตอนนี้มันก็อาจจะชวนให้ใครหลาย ๆ คนเข้าใจผิดได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อของ Jordan ติดอยู่นั้นจะต้องถูกบริหารงานทั้งหมดโดย ไมเคิล จอร์แดน ซึ่งถ้าคุณคิดอย่างนั้นอยู่ เราขอให้โยนความคิดนี้ทิ้งไปเสียก่อน เพราะว่า จอร์แดน นั้นไม่ได้เป็นผู้ถือหุ่นรายใหญ่ หรือ มีตำแหน่งใหญ่โตอะไรในบอร์ดบริหารแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ยังมีชื่อของจอร์แดนอยู่ได้นั่นก็คือทาง Nike ยังยอมที่จะจ่ายเงินให้เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่แม้ว่าเขาคนนี้จะเลิกเล่นไปนานแล้วก็ตาม
ซึ่งในตอนแรกนั้น ไลน์สินค้าของจอร์แดนนั้นยังผสมอยู่กับ Nike อยู่ แต่ทว่าหลังจากที่สินค้าต่าง ๆ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทาง Nike ก็ได้ตัดสินใจที่แตกแบรนด์ย่อยออกมาเป็น Jordan แถมค่าลิขสิทธิ์ของแบรนด์นี้กลับเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
ซึ่งในปี 2019 ค่าลิขสิทธิ์ของสินค้าในแบรนด์ Jordan มีมูลค่าสูงไปถึง 130 ล้านดอลลาร์
ซึ่งการพุ่งทะลุขึ้นชาร์ทขนาดนี้นี่แหละที่ส่งผลให้ จอร์แดน รับค่าพรีเซ็นเตอร์แพงที่สุดในโลก โดยทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง เลอบรอน เจมส์ แทบจะไม่เห็นฝุ่น
และแน่นอนว่าสินค้าเหล่านี้คงไม่อาจขายได้ถ้าหากขาดพรีเซ็นเตอร์ที่ดี ซึ่งสิ่งที่เราได้เห็นจอร์แดนทำหลังจากลาวงการไปส่วนยใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวในแง่บวกเกือบทั้งสิ้น ถ้าจะยกตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเหตุการณ์กระแส Black Lives Matter ทั่วเกิดขึ้นทั่วอเมริกา ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ จอร์แดน และ แบรนด์ของเขาได้ตัดสินใจออกมามอบเงินถึง 100 ล้านดอลลาร์ตลอดช่วง 10 ปีข้างหน้า เพื่อให้กับองค์กรต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกัน ซึ่งการบริจาคครั้งนี้ยังเป็นการบริจาคที่เยอะกว่าเจ้าของผลิตภัณฑ์อย่าง Nike ที่มอบเงินไปให้ถึง 40 ล้านดอลล่าร์แล้วก็ตาม
นอกจากนั้นแล้วในช่วงที่ไวรัส Covid กำลังระบาดจนทำให้วงการกีฬาต้องหยุดการเล่นต่าง ๆ ลง สิ่งที่จอร์แดนทำให้โลกกีฬาต้องสั่นสะเทือนอีกครั้งนั่นก็คือ การปล่อยสารคดีของเขาที่มีความยาวกว่า 10 ตอนที่ชื่อว่า The Last Dance ออกมาฉายทาง ESPN และ Netflix และแน่นอนว่ามันได้รับการตอบรับที่ดีมาก ๆ โดยมันได้กลายเป็นาสารคดีของ ESPN ที่มีผู้ชมมากที่สุดตลอดกาล แถมไอ้เจ้าสารคดีนี้ยังส่งผลให้ยอดสินค้าต่าง ๆ ของถูกค้นหามากขึ้น โดยในเว็บไซต์ ebay มีคนค้นหาชื่อของเขาเป็น
จำนวนเฉลี่ย 821 ครั้งต่อนาที
และนี่แหละคือเหตุผลที่ว่าทำมชายคนนี้ถือถึงไม่ได้จบตำนานเพียงแค่ในสนามเท่านั้น แล้วคุณละลองมองไปรอบ ๆ ตัวดูสิว่า มีผลิตภัณฑ์ หรือ รูปของชายคนนี้อยู่ใกล้ ๆ ตัวหรือเปล่า dunkswin9
เครดิต : สล็อตเว็บตรง