ถ้าพูดถึงเพลงในปัจจุบันนี้เราก็ต้องยอมรับเลยว่าในปัจจุบันนี้มีเพลงที่ให้ได้เลือกหาเลือกฟังกันอย่างมากมาย และดนตรีเหล่านี้เองก็ค่อนข้างมีส่วนเกี่ยวข้อง และ มีการสะท้อนถึงวัฒนธรรมในสมัยต่าง ๆ ออกมาได้อย่างมากอยู่พอสมควร ส่วนด้านวงการกีฬานั้นเรื่องของเพลงก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสีสันที่สร้างความคึกครืน
ให้กับบรรดาเหล่าผู้ชมในสนามไม่ว่าจะเป็นการใช้ในการเปิดตัวเหล่านักกีฬา
ยกตัวอย่างเช่นการเปิดตัว อัลเลน ไอเวอร์สัน รวมถึงการเปิดคลอ ๆ ในช่วงระหว่างพักช่วงเวลาเพื่อให้อารมณ์ที่กำลังสนุกอยู่กับเกมของเหล่าแฟน ๆ ไม่จางหายไปไหน
แต่ถ้าจะให้พูดถึงบาสเกตบอลแล้วละก็ เพลงที่ถือได้ว่าฝังรากลึก และ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมที่ค่อนข้างจะส่งผลต่อบรรดาเหล่าผู้เล่นทั้งหลายใน NBA มากเป็นที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเพลงอย่าง Hip Hop นั่นเอง จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในเกมการแข่งขันต่าง ๆ เรามักจะเห็นบรรดาเหล่าแร็ปเปอร์ชื่อดังมักจะมาชมการแข่งขันกันอย่างมากมาย
แต่คุณคงอยากจะถามแล้วใช่ไหมละว่า แล้วทำไมเพลงฮิปฮอปถึงสามารถสร้างอิทธิพลให้กับวงการบาสได้ขนาดนั้น และ ใครกันที่พาวัฒนธรรมเหล่านี้เข้ามาสู่บาส NBA ซึ่งวันนี้คำตอบมันก็อยู่ตรงงหน้านี้แล้ว เพราะอิทธิพลทั้งหมดมันเกิดมาจากชายผู้เป็นคำตอบของทุกสิ่งอย่าง อัลเลน ไอเวอร์สัน
สำหรับตัวของ อัลเลน ไอเวอร์สัน นั้นเขาเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้มีความสมบูรณ์แบบมากนัก
เนื่องจากเขาต้องอาศัยอยู่กับคุณแม่อย่าง แอน ไอเวอร์สัน ที่ตอนนั้นเธอมีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น แถมคุณพ่อของเขาก็ยังเคยถูกจับกุมในข้อหาค้ายาเสพติดให้กับเด็กมัธยมอีกด้วย
และเมื่อสังคมรอบข้างของเขาเป็นแบบนี้แน่นอนว่ามันก็ได้หล่อหลอมให้เขาเลือกเส้นทางเดินที่ผิดเช่นกัน โดย อัลเลน ไอเวอร์สัน ถูกจับกุมตั้งแต่อายุ 13 ปี ด้วยข้อหาอย่างทำร้ายร่างกาย จนทำให้เขาติดอยู่นานถึง 4 เดือน แต่ทว่าการติดคุกในครั้งนี้นี่เองที่ทำให้เขาคิดได้ และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังจากที่ออกมา
ซึ่งหลังจากนั้นเขาพาตัวเองมาสู้เส้นทางที่ถูกที่ควร โดยในปี 1994 อัลเลน ไอเวอร์สัน ก็ได้เข้าเรียนนต่อในมหาวิทยาลัยอย่างจอร์จทาวน์ ในฐานะนักบาสเกตบอลประจำสถาบัน ซึ่งที่นั่นเองได้กลายเป็นที่ให้ อัลเลน ไอเวอร์สัน ได้แจ้งเกิด ด้วยการที่เขาสามารถคว้ารางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในฤดูกาล 1994 – 1995 ของ Big East Conference ได้สำเร็จ
ซึ่ง อัลเลน ไอเวอร์สัน นั้นไม่ได้มีความสามารถเพียงแค่ด้านบาสเกตบอลเพียงอย่างเดียว
เพราะในตอนนั้นเขายังเล่นกีฬาอย่าง อเมริกฟุตบอลไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเขาสามารทำได้ดีทั้ง 2 กีฬาถึงขนาดที่พาทีมที่เขาสังกัดทั้ง 2 กีฬาคว้าแชมป์ทั้งคู่ แต่ต่อให้เขาทำดีแค่ไหนด้วยประวัติอาชญากรรม รวมถึงความเป็นคนผิวดำของเขานี่เองที่ทำให้เหล่าคนขาวไม่ยอมรับ
แต่ถึงเหล่าคนขาวจะไม่ยอมรับเขา อัลเลน ไอเวอร์สัน ก็ได้หาแคร์ไม่หนำซ้ำเขายังภูมใจในวัฒนธรรมของคนผิวดำ โดยเขาไม่เคยคิดที่จะปิดบังควาเป็นแก๊งสเตอร์ตัว ซึ่งมันได้แสดงออกมาผ่านทางรอสัก ทรงผม รวมถึงสร้อยเส้นเบิ้มที่ติดตัวไปในทุกที่ และแน่นอว่าไอ้สิ่งเหล่านี้มันก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงฮิปฮอปที่เขาเป็นแฟนเดนตายนั่นเอง
และหลังจากที่ อัลเลน ไอเวอร์สัน ถูกดราฟเข้าสู่ NBA ในฐานะผู้เล่นอันดับที่หนังในปี 1996 โดยทีมอย่าง Philadelphia 76ers เหล่าบรรดาเหล่าแฟนต่างให้การตอบรับกับชายคนนี้อย่างดี แต่ทว่าเมื่อมีคนต้อนรับ มันก็ต้องมีคนที่ไม่ชอบตามมา แต่ทว่าคนที่ไม่ชอบ ไอเวอร์สัน นั้นกลับเป็นตัวเบ้ง เพราะคนที่ไม่ชอบนั่นก็คือ เหล่าผู้ใหญ่ในลีก นั่นเอง
ทำไมนะเหรอทั้ง ๆ ที่ลีกในตอนนั้นก็เต็มไปด้วยผู้เล่นผิวดำ คำตอบง่าย ๆ ก็คือในตอนนั้น NBA
ได้มองว่าเพลง ฮิปฮอป คือสัญลักษณ์ของการต่อต้าน แถมในตอนนั้นทาง NBA ก็พยายามที่จะปั้นตัวของ ไมเคิล จอร์แดน ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ที่ดูสมบูรณ์แบบ เนี๊ยบ แต่พอ อัลเลน ไอเวอร์สัน มาเขากลับมีลุคทุกอย่าง ที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ NBA ต้องการอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็น การใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่โค มีสร้อยคอเพชรวิบวับเป็นเครื่องประดับ สวมหมวก Do-rag พร้อมหูฟังขนาดใหญ่
และแน่นอนว่าสายเลือฮิปฮอปมันไหลเวียนอยู่ในบรรดาคนผิวดำอยู่แล้ว และทันทีที่ อัลเลน ไอเวอร์สัน เปิด บรรดาเหล่านักบาสทั้งหลาย ทั้งมวลก็ตามทันที และเพียงไม่นานการแต่งตัวสไตล์ ไอเวอร์สัน ก็แพร่กระจายไปทั่ว และแน่นอนว่ามันช่างน่าขัดใจกับเหล่านโยบายของผู้ใหญ่เบื้องบนซะเหลือเกิน
ซึ่งความขัดใจนี้เองที่ทำให้ทาง NBA สั่งปรับผู้เล่นกว่า 20 รายได้เงินสูงถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
จากการแต่งตัวของพวกเขา ซึ่งแน่นอว่า อัลเลน ไอเวอร์สัน ก็ไม่รอดพ้นในการโดนปรับครั้งนี้ แถมเพลงแร็ปที่ ไอเวอร์สัน แต่งยังถูกโจมตี เนื่องจากทางกรรมาธิกาของลีกมองว่า เพลงของเขา มีเนื้อหารุนแรง ต่อต้านสังคม
แต่แล้วจุดแตกหักของเรื่องกายแต่งกายก็มาถึงเนื่องจากในโอลิมปิกปี 2004 หนังสือพิมพ์อย่าง Washington Post ได้มีการรายงานถึงเรื่องการแต่งกายของนักกีฬา 2 ชาติ นั่นก็คือ ทีมชาติเซอร์เบียที่แต่งตัวด้วยแจ็คเก็ตกีฬา กางเกงวอร์ม แต่ในขณะเดียวกัน ผู้เล่น NBA ของอเมริกากลับแต่งตัวด้วยสไตล์ฮิปฮอปจัดเต็ม ทั้ง ๆ ที่นคือการกินข้าวในโรงแรมเท่านั้น และหนึ่งในคนที่โดนถ่ายภาพไว้ก็คือ อัลเลน ไอเวอร์สัน
ซึ่งข่าวนี้ทำให้โค้ชทีมชาติอเมริการในขณะนั้นอย่าง แลร์รี บราวน์ อายแทบมุดแผ่นดิน
มันจึงทำให้ในฤดูกาล 2006 ทาง NBA ก็ได้ออกกฏการแต่งกายเช่น ผู้เล่นใส่เสื้อไร้แขน, ห้ามใส่กางเกงขาสั้น, ห้ามใส่เสื้อเสื้อยืด เสื้อแข่ง หรือเสื้อกีฬาอื่น ก่อนลงสนาม, ห้ามใส่หมวกระหว่างการแข่งขัน ขณะสัมภาษณ์ หรือทำกิจกรรมอื่นของลีก
แน่นอนว่าทันทีที่แฟน ๆ ได้ทราบถึงกฎนี้ เสียงกร่นด่าสาปแช่งก็เข้าสู่ NBA ทันที และนอกจากแฟน ๆ แล้วบรรดาผู้เล่นต่างก็ไม่พอใจในกฎนี้เป็นอย่างมา และหนึ่งในตัวนำสำคัญที่ออกมาต่อต้นกฎนี้อย่างชัดเจนก็คือ อัลเลน ไอเวอร์สัน แต่ทว่าวิธีการตอบโตของเขานั่นก็คือ การปฏิบัติตามกฎทุกอย่าง แต่เปลี่ยนเป็นการใส่สูทที่ขนาดโอเวอร์ซ์ รวมถึงยังคงใส่เครื่องประดับแบบจัดเต็มไว้ตลอด
แม้ว่าในปัจจุบันกฏที่ขัดใจ อัลเลน ไอเวอร์สัน นี้มันยังคงอยู่ แต่ทว่าความเข้มงวดมันก็ค่อยลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากกฏเหล่านี้มันค่อนข้างที่จะขัดกับบรรดาเหล่าสปอนเซอร์ทั้งหลายที่พร้อมจะมาทุ่มทุนลงในลีก แถมในปัจจุบันนี้ทางบรรดาเหล่านักกีฬาหลาย ๆ คนก็ได้เริ่มปรับตัวและมีการประยุกต์เพื่อปรับเปลี่ยนแฟชั่นรูปแบบใหม่กันแล้วอีกด้วย
แต่ถึงอย่างไรวัฒนธรรมของฮิปฮอปก็ยังไม่คงจากหายไปไหน ถึงแม้ว่าตัวของ อัลเลน ไอเวอร์สัน จะเลิกเล่นไปสักพักแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างไร เขาคนนี้นี่แหละที่ได้กลายเป็นชายหัวขบถผู้เปิดประตูฮิปฮอปเข้าสู่โลกของ NBA dunkswin9
เครดิต : เว็บสล็อต