หากพูดถึงทีมกีฬาที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลกแล้วละก็ เราเชื่อว่าหนึ่งในวิธีการสื่อสารเพื่อดึงเอาแฟน ๆ เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับสโมสรเหล่านั้น สิ่งที่ง่ายที่สุดนั้นก็คือ การกระทำ หรือ แสดงสัญลักษณ์อะไรสักอย่างเพื่อเป็นการบ่งบอกให้เห็นว่าทีม ๆ นี้คือทีมประจำท้องถิ่นนั่นเอง และแน่นอนว่าบรรดาเหล่าทีมต่างๆ ที่อยู่ในอเมริกันเกม ก็เช่นกัน เพราะพวกเขาก็มีแนวคิดไม่ต่างกัน แต่สำหรับอเมริกานั้นสิ่งที่ดูจะเกินเบอร์ไปกว่าประเทศอื่น ๆ ไปสักหน่อยนั่นก็คือความคลั่งไคล้ของแฟน ๆ ที่บอกเลยว่าบางคนก็รักทีมรักของตัวเองมากกว่าเมียซะอีก แถมส่วนใหญ่แล้วสำหรับทีมในอเมริกาจะมีการตั้งทีมที่เอกลักษณ์เฉพาะเมืองเพียงประเภทกีฬาเดียวเท่านั้น แต่ทว่ามันก็ไม่ใช่เสมอไป เพราะว่าในกีฬาอย่างบาสเกตบอลที่มีทั้งหมด 30 ทีมกลับมี 2 ทีมที่มาจากเมืองเดียวกัน นั่นก็คือ เมืองอย่าง ลอสแอนเจลิส ที่มีทีมบาสชั้นนำอยู่ในเมืองเดียวกันแถมทั้งคู่ยังใช้สนามเหย้าทีมเดียวกันอีกด้วย
โดย 2 ทีมนั้นก็คือทีมอย่าง แอลเอ เลเกอร์ส” และ ลอสแอนเจลิส คลิปเปอร์ส
แต่เพราะการมี 2 ทีมนี้เองที่ทำให้แฟน ๆ ถูกแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว ซึ่งทำไมเหตุผลอะไรที่ทำให้ทั้ง 2 นี้ได้กลายเป็น 2 ขั้วตรงข้ามกันขนาดนี้ เรามาหาเหตุผลไปด้วกัน
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ เราขอแนะนำก่อนว่า ลอสแอนเจลิส หรือ แอลเอ นั้นถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ และ มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของอเมริกา แถมที่เมืองแห่งนี้ยังศูนย์กลางของสื่อความบันเทิง วัฒนธรรม และ เศรษฐกิจ มากมาย
และด้วยความเป็นศูนย์กลางในหลาย ๆ ด้านนี้เองที่ทำให้ ลอสแอนเจลิสเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันหลากหลาย แถมด้วยความที่มีประชากรมากนี้เอง มันจึงไม่แปลกใจเลยที่บรรดาเหล่านักลงทุนจะให้ความสนใจในเมืองแห่งนี้มาเป็นพิเศษ และหนึ่งในแง่ของการที่น่าจับตามองนั่นก็คือ การลงทุนด้านกีฬา ซึ่งแต่แรกเริ่มนั้น เมืองนี้ยังไม่ได้มีทีมบาสเกตบอลเป็นกิจจะลักษณะอะไรมากเท่าไหร่ จึงทำให้มีสองเศรษฐีอย่าง เบน เบอเกอร์ กับ มอริส ชาลเฟน ได้เข้าซื้อทีมอย่าง ดีทรอยต์ เจ็มส์ จากสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติ หรือ NBL ด้วยจำนวนเงิน 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และหลังจากที่พวกเขาซื้อทีมนี้ได้สำเร็จเขาก็ทำการีแบรนด์ ทีมนี้ใหม่ด้วยการ นำชื่อ Laker ที่อิงมาจากเมืองที่มีทะเลสาปเยอะ
แต่ด้วยฐานที่ตั้งเมืองดังกล่าวไม่ใช่เมืองเศรษฐกิจใหญ่โตอะไรมากนัก ทำให้ผลประกอบการของทีมไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก และอากาศอันหนาวเย็นก็ไม่ได้เอื้อต่อการให้แฟน ๆ เข้ามาชมการแข่งขันเท่าไหร่นัก จึงทำให้ในที่สุด พวกเขาได้ร้องขอไปยัง NBA ในปี 1960 เพื่อย้ายทีมไปยังเมืองที่ใหญ่ และ ดีกว่า และด้วยการที่ในตอนนั้น NBA ยังไม่มีทีมจากชายฝั่งตะวันตกของประเทศเลย จึงทำให้พวกเขาผ่านการอนุมัติการย้ายทีมในครั้งนี้ และทำให้ทีมจากเมืองมินนิอาโปลิส ไปยัง ลอสแอนเจลิส ได้สำเร็จ และเมื่อไปถึง แอลเอ พวกเขาก็ตัดสินเก็บชื่อของ เลเกอร์ส เอาไว้ จนทำให้กลายเป็นที่มาของ แอลเอ เลเกอร์ส ในปัจจุบัน
ด้วยความสำเร็จของ ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ทำให้หลายต่อหลายทีมเริ่มเห็นช่องทาง
ที่จะขยับขยายทีมสู่เมืองอื่น ๆ เพื่อผลประโยชน์ทั้งจากทางธุรกิจ และ ฐานคนดู และหนึ่งในทีมที่สนใจจะทำอย่างนั้นเช่นกันก็คือทีมอย่าง คลิปเปอร์ส
จุดเริ่มต้นของ ลอสแอนเจลิส คลิปเปอร์ส นั้นต้องย้อนกันไปตั้งกันที่ทีมที่มีชื่อว่า บัฟฟาโล เบรฟส์ โดยทีมนี้ตั้งอยู่ที่นิวยอร์ก แต่ด้วยเหตุหลาย ๆ ด้านทำให้สุดท้ายแล้ว เบรฟส์ ก็ได้ตัดสินใจย้ายมาที่เมือง ซาน ดิเอโก ในปี 1978 จนกระทั่งผ่านมา 3 ปี ก็ได้มีเศรษฐีที่มีชื่อว่า โดนัลด์ สเตอร์ลิ่ง ตัดสินใจซื้อทีมนี้ และเปลี่ยนชื่อมาเป็น ซานดิเอโก คลิปเปอร์ส
แต่เนื่องจากตัวของ โดนัลด์ สเตอร์ลิ่ง นั้นเป็นนักธุรกิจ ทำให้เจ้าตัวได้มองเห็นถึงว่ากรที่ทีมอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่ส่งผลดีสำหรับการประกอบการเท่าไหร่นัก เขาจึงตัดสินใจที่จะย้ายทีม โดยเมืองทีเขาเล็งเอาไง้นั่นก็คือ เมืองแห่งเศรษฐกิจอย่าง ลอสแอนเจลิส
แต่ทว่าการย้ายทีมครั้งนี้ของ ลอสแอนเจลิส คลิปเปอร์ส แตกต่างจากท เลเกอร์ส ทำ เพราะพวกเขาย้ายทันทีโดยที่ยังไมได้รับการอนุมัติใด ๆ เลยจาก NBA ซึ่งการกระทำครั้งนี้นี่แหละที่ทำให้ ทาง NBA สั่งปรับเป็นจำนวนเงินสูงถึง 25 ล้านดอลล่าร์ พร้อมกับฟ้องศาลให้นำทีมกลับไปยัง ซานดิเอโก เหมือนเดิม แน่นอนว่าตัวของ สเตอร์ลิ่ง ไม่ยอมทำตาม เลยทำให้ในที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายก็ฟ้องกันไปกันมา โดยผลสรุปสุดท้ายก็คือ ศ่าลตัดสินให้ สเตอร์ลิ่ง จ่ายค่าปรับ NBA เป็นจำนวน 6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแน่นนอว่าเขายอมจ่าย เพราะเงินจำนวนนี้ถ้าแลกกับผลประโยชน์อันมหาศาลที่ตามมา มันย่อมดีกว่าแน่นอน
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนีเองที่มันได้ทำให้เมือง ลอสแอนเจลิส มีทีมทั้งหมด 2 ทีม
ด้วยกันนั่นก็คือทีมอย่าง แอลเอ เลเกอร์ส และ แอลเอ คลิปเปอร์ส แต่ทว่าแม้ทั้ง 2 จะอยู่เมืองเดียวกัน แต่ผลประกอบการของทั้งคู่กลับสวนทางราวฟ้ากับเหว
ทีมอย่าง ลอสแอนเจลิส คลิปเปอร์ส นั้นตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยที่จะคว้าแชมป์ NBA ได้สักครั้งเลย ในทางกลับกันทีมอย่าง
เลเกอร์ส เมื่อย้ายเมืองมาแล้วพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ไปถึง 5 สมัย ทำให้รวมแล้วตอนนี้พวกเขามีถ้วยอยู่ในมือถึง 16 สมัยแล้วถ้าหากนับจากของเดิม
แถมถึงแม้ว่าทั้ง 2 ทีมนี้จะใช้สนามเหย้าที่เดียวกันแต่ทว่าราคาบัตรเข้าชมโดยเฉลี่ยของทั้งคู่กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยของ ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส มีค่าตั๋วเฉลี่ยอยู่สูงถึง 135 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อที่นั่ง ในขณะที่ คลิปเปอร์ส มีค่าตั๋วเฉลี่ยต่อที่นั่งอยู่เพียงแค่ 90 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น
ด้วยความที่ที่เมืองอย่าง ลอสแอนเจลิส เป็นเมืองใหญ่ และ ยังมีทีมบาสเกตบอลถึง 2 ทีม จึงทำให้บรรดาเหล่าแฟน ๆ ต้องเลือกเชียร์ทีมใดทีมหนึ่ง ซึ่งการที่ ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส มาก่อนนี้เองที่ทำให้พวกเขาได้ฐานแฟนคลับจำนวนมากไปก่อน นอกจากนั้นแล้วอีกหนึ่งปัจจัยนั่นก็คือวิสัยทัศน์ของผู้บริการ จึงนำพามาถึงการคว้าซุปเปอร์สตาร์และนำพาทีมเข้าสู่การไปคว้าแชมป์ของทีมอย่างเลเกอร์ส และเพราะความสำเร็จต่าง ๆ ที่ถ่าโถมเข้าสู่เลเกอร์ส เลยทำให้ ทีมอย่าง คลิปเปอร์ส นั้นกลายเป็นไม้ประดับแห่งเมือง แอลเอ
และเพราะความเหนือกว่าหลายขุมนี้เองที่ทำให้สตีฟ บัลเมอร์ เจ้าของทีม ลอสแอนเจลิส คลิปเปอร์ส คนปัจจุบัน ตัดสินใจจะสร้างความยิ่งใหญ่มาสู่ทีมให้ได้ ซึ่งหนทางที่สามารถสร้างได้เร็วทีสุดนั่นก็คอ การทำซุปเปอร์ทีม โดยอันดับแรกพวกเขาได้ดึงผู้เล่นอย่าง คาวาย เลียวนาร์ด เข้ามสู่ทีม นอกากนั้นพวกเขายังใช้ คาวาย เป็นไม้ต่อ เพื่อใช้ในการเชิญชวน พอล จอร์จ เข้ามาร่วมทีมอีกด้วย
แต่ถึงแบบตัวของ ลอสแอนเจลิส คลิปเปอร์ ก็ยังไม่สามารถที่จะสร้างความโด่งดังให้กับตัวเองได้เหมือนกับ เลเกอร์ส อยู่ดี ซึ่งเราก็ต้องมาดูกันต่อว่าทีมไม้ประดับอย่าง คลิปเปอร์ จะสามารถเข้ามายืนอยู่อยู่ในระดับเดียวกับทีมร่วมเมืองได้หรือไม่ dunkswin9
เครดิต : สล็อตเว็บตรง