หากพูดถึงเกมกีฬา และ การแข่งขัน สิ่งที่มันจะสามารถวัดผลได้ว่าทีมไหนแพ้ ทีมไหนชนะ ก็คงจะหนีไม่ต้นตัวเลขการทำคะแนนที่ถูกโชว์หลาอยู่บนสกอร์บอร์ดให้หลาย ๆ ได้เห็นเป็นประจักษ์ และ เป็นสักขีพยานในการแข่งนัดนั้น ๆ ใช่ไหมละ และสำหรับกีฬาอย่างบาสเก็ตบอลที่ค่อนข้างมีการทำเกม รวมถึงการทำคะแนนที่รวดเร็วนี้เองที่มันทำให้สกอร์ดบอร์ดนั้นมีตัวเลขที่ค่อนข้างจะสูงมากพอตัว จนทำให้เรามักที่จะได้เห็นตัวเลขหลัก 100 ขึ้นไปอยู่บ่อย ๆ ในเกมการแข่งขัน แต่ส่วนใหญ่แล้วที่จะทำแต้มให้เห็นในหลักนี้ส่วนใหญ่มันก็จะเกิดมาจากการผสานกันทำเกมรุกของผู้เล่นในสนามนั่นเอง โดยถ้าจะให้พูดถึงสถิติโดยเฉลี่ยแล้วส่วนใหญ่ผู้เล่นคนหนึ่งจะสามารถทำได้ประมาณ 30 – 40 แต้มโดยเฉลี่ยต่อเกม ซึ่งการที่มันจะทำให้เกิดกว่านั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องอะไรที่ดูบ้าบอมาก ๆ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำไม่ได้เลย
เพราะในอดีตของบาสเก็ตบอล NBA นั้นส่วนใหญ่เรามักจะเห็นเกมที่มีการบุกอย่างบ้าคลั่ง
ชนิดที่ว่าเกมรับช่างมัน เกมบุกไว้ก่อนเลยนทีเดียว จึงทำให้ในยุคนั้นมีบรรดานักบาสในยุคสมัยนั้นสามารถทำคะแนนเฉลี่ยต่อเกมได้ค่อนข้างสูง โดยสถิติที่ถูกบันทึกเอาไว้นั่นก็คือ อันดับหนึ่งเป็นของ อันดับ 1 เป็นของ วิลต์ แชมเบอร์เลน ที่สามารถทำได้ 100 แต้ม ในปี 1962 ส่วนอันดับที่ 2 ก็คืออันดับ 2 เป็นของ วิลต์ แชมเบอร์เลน ที่สามารถทำได้ 78 แต้ม ในปี 1961
แต่เนื่อจากเกมบาสในปัจจุบันนั้นมันมีการเดินเกมที่ละเอียดขึ้น และ ยังมีแทคติกต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน รวมถึงเกมรับในสมัยนี้มันก็ค่อนข้างที่จะพัฒนาไปไกลอย่างก้าวกระโดด จนทำให้การที่จะมีผู้เล่นสักคนหนึ่งสามารถทำคะแนนคนเดียวในหนึ่งเกมเหมือนในอดีตนั้นแทบจะหาได้ยากยิ่งนัก
แล้วเรื่องราวที่ใครหลาย ๆ เชื่อว่ามันเป็นไปได้โคตรยากก็เดกิดขึ้นจนได้ โดยเหตุการณ์ครั้งสำคัญครั้งนั้นมันได้เกิดขึ้นในวันที่ 22 มกราคม ปี 2006 เกมที่ทำให้ชื่อของ โคบี้ ไบรอัน ถูกจารึกลงในสถิติครั้งใหม่ของวงการบาสเก็ตบอล NBA ซึ่งเหตุการณ์อันสุดยอดนั้นมันจะมีจุดเริ่มต้นยังไงบ้างนั้น เราขอพาคุณย้อนไปสู่ช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์ในครั้งนั้นกันเลย
และแล้วเกมสำคัญก็เดินทางมาถึง ในวันที่ 22 มกราคมปี 2006 ซึ่งวันนั้นเป็นเกมการเจอกันของ ลอสแองเจลิส เลเกอร์ส มีสถิติ ชนะ 21 แพ้ 19 ต้องมาปะทะกับทีมที่อยู่โซนท้ายตาราง อย่าง โตรอนโต้ แรพเตอร์ส ซึ่งตอนนั้นบอกเลยว่าเกมรับของ แรพเตอร์ส มันเป็นอะไรที่โคตรเปื่อยยุ่ยยิ่งกว่ากระดาษโดนน้ำซะอีก จึงทำให้เกมนี้ไม่ได้กลายเป็นที่จับตามองมากนัก เพราะใคร ๆ ก็พอจะเดาได้ว่าใครจะเป็นฝ่ายกำชัยในเกมนี้ แถมในวันนี้ยังมีศึก NFL ที่เป็นรอบชิงแชมป์ของสาย จึงทำให้ส่วนใหญ่แล้วคอกีฬาจะไปโฟกัสกันที่เกม NFL ซะมากกว่า
เมื่อเกมเริ่มต้นขึ้นปากกาของเหล่านักวิเคราะห์ก็หักดังกร๊อบ เพราะว่ากลับกลายเป็นฝ่าของ แร๊พเตอร์
ส ที่เป็นฝ่ายออกนำด้วยคะแนน 36 ต่อ 29 ซึ่งตอนนั้นทางโคบี้ ยังไม่สามารถที่จะโชว์ฟอร์มได้ออกมานัก โดยเขาทำไปได้เพียงแค่ 10 คะแนนจากควอเตอร์ที่ 1 นี้
เกมเข้าสู่ควอเตอร์ที่ 2 เรื่องราวมันยิ่งน่าเจ็บปวดขึ้นไปอีกเนื่องจาก แร๊พเตอร์ส ยังเดินหน้าไล่ถลุง เลเกอร์ส อย่างสนุกมือ โดยสามารถทำแต้มห่างไปถึง 14 แต้ม กับสกอร์ 63 ต่อ 49 ซึ่งแน่นอนว่าผลสกอร์แบบนี้มันไม่ได้ดีต่อทีมแน่ ๆ เสียงโห่ แสดงความไม่พอใจจากบรรดาเหล่าแฟน ๆ ของ เลเกอร์ส เริ่มดังอื้ออึงในสนาม
แถมตัวโคบี้ เองก็เริ่มกดดันเข้าไปอีก เพราะว่ามาถึงครึ่งทางแล้วเขายังทำแต้มไปได้เพียง 26 แต้มเท่านั้น หนำซ้ำเกมนี้เขายังมาพลาดการยิงลูกโทษจนทำให้สถิติการยิงลูกโทษเข้าติดต่อกันต้องมาหยุดอยู่ที่ 62 ลูก
กลับมาสู่ควอเตอร์ที่ 3 ทางแร็พเตอร์นั้นยังคงเดินหน้าทิ้งห่าง
แต่ทว่าพวกเขานั้นน่าจะเริ่มเห็นสัญญาณอะไรบางอย่างแล้ว เพราะว่าทางโคบี้ ที่เริ่มโชว์สกิลความเป็น Superstar อย่างแท้จริง ทำให้ในตอนนั้นควอเตอร์ที่ 3 เลเกอร์เริ่มกลับมาคืนฟอร์มเป็นฝ่ายแซงด้วยคะแนน 91 ต่อ 85 และเมื่อจบควอเตอร์ที่ 3 โคบี้สามารถทำคะแนนส่วนตัวไปได้แล้วถึง 53 แต้มแล้วด้วยกัน และเพราะฟอร์มเก่งที่เริ่มกลับมานี้เอง ทำให้แฟน ๆ เริ่มลุ้นอยากให้โคบี้ ลบสถิติเก่าสูงสุดของตัวเองที่เคยทำคนเดียวไว้ 62 แต้ม
และแล้วก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่ง เมจิก ไทม์ โดยแท้จริง แม้ว่าในควอเตอร์นี้ ทางโค้ชของแร๊พเตอร์จะมีการสั่งให้ระวังการเล่นของ
โคบี้ มากขึ้นโดยใช้แทคติกอย่าง ดับเบิ้ล สลับ กับ ทริปเปิ้ล ทีม ใส่โคบี้แล้วก็ตาม แต่ทว่ามันไม่สามารถที่จะชายคนนี้ได้เลย และโคบี้ก็เริ่มเดินหน้าทำแต้มรัว ๆ จนในที่สุดเขาก็ทำลายสถิติของตัวเองได้สำเร็จ
แต่เวลาในสนามมันยังคงเดินต่อ เพราะว่ามันเหลือเวลาอีกถึง 6 นาที ตอนนี้มันก็คงถึงเวลาแล้วละที่ชายคนนี้จะได้เวลาสร้างสถิติใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ซึ่งเป้าหมายต่อไปของเขาคือการทำลายสถิติของผู้เล่นระดับตำนานอย่าง เอลกิ้น เบย์เลอร์ ของเลเกอรส์เองที่เคยทำไว้ในปี 1960 ด้วยสกอร์ 71 แต้ม ถึงต้องนี้เสียคนดูในสนามต่างกึกก้องไปด้วยคำว่า M V P เมื่อทุกครั้งที่โคบี้ได้ลูก
ด้วยเสียงเชียร์อันเหลือล้น โคบี้ ยิ่งเดิหน้าทำแต้มแบบไม่มียังจนในที่สุดเขาก็สามารถทำลายกำแพงตำนาน
ของสโมสรแห่งนี้ลงได้ด้วยการทำคนเดียวไปถึง 72 แต้ม ทั้ง ๆ ที่เวลายังเหลืออีก 4.25 นาที ซึ่งตอนนี้เกมระหว่าง เลเกอร์ส กับ แร๊พเตอร์ นั้นขาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าเมื่อเกมขาดแบบนี้ เอาตามจริง โค้ชควรจะพักผู้เล่นตัวหลักเอาไว้ แต่ทว่าทางเฮดโค้ช ฟิล แจ๊คสัน ตัดสินใจที่จะให้ โคบี้ อยู่ในสนามต่อ โดยเขาให้เหตุผลในตอนนั้นว่า ถ้าเอา โคบี้ ออก ต่อให้ทีมชนะ รับรองว่ามันได้เกิดจราจลแน่ ๆ เนื่องจากทุกคนเองก็คงอยากจะเห็น โคบี้ ว่า เขาจะไปสุดที่ตรงไหน
เป้าหมายต่อไปที่แฟนลุ้นให้โคบี้ทำสำเร็จนั่นก็คือ การทำลายสถิติตลอดกาลของ NBA ซึ่งเวลาอีกแค่ 3 นาทีทุกคนต่างรู้ดีว่ามันคงไม่สามารถแซงอันดับ 1 ที่ทำถึง 100 แต้มได้หรอก แต่ถ้าอันดับ 2 ที่ 78 ลูกมันก็คงได้ลุ้น ว่าแล้วผู้เล่นทุกคนต่างก็พร้อมใจกับถวายพานให้กับโคบี้ และถึงแม้ว่าฝั่ง แร๊พเตอร์ เองจะพยายามหยุดยั้งเพื่อไม่ให้ทีมพวกเขาเสียหน้าไปกว่านี้แต่มันก็หยุดไม่ไหวจริง ๆ จนทำเกมนั้นจบไปด้วยผลคะแนน 122 ต่อ 104 และเป็นคำคืนแห่งประวัติศาสตร์ของ โคบี้ ไบรอัน ที่คนเดียวไปถึง 81 แต้ม dunkswin9
เครดิต : เว็บสล็อต