ในโลกปัจจุบันนั้นทุก ๆ อย่างล้วนแล้วแต่มีมูลค่าทางการตลาดด้วยผลของตัวมันเองทั้งสิ้น ยกตักอย่างเช่นบรรดาเหล่านักกีฬาตามสายอาชีพต่าง ๆ สิ่งที่เป็นผลตอบแทนการเหน็ดเหนื่อยของพวกเขาในการเล่นแข่งให้กับสโมสรนั้น ๆ ก็คือ เรื่องของค่าเหนื่อย
แต่สิ่งที่มันจะตามมาหลังจากค่าเหนื่อยนั่นก็คือ มูลค่าของตัวผู้เล่นเอง เนื่องจากการที่สามารถขึ้นแท่นเป็นคนระดับซุปเปอร์สตาร์แห่งวงการกีฬาได้นั้น มันค่อนข้างที่ยากและเหนื่อยพอสมควร แต่ถ้าได้ขึ้นมายืนบนแท่นนี้แหละ มันก็จะทำให้คนได้รู้จัก และ ให้การยอมรับเป็นวงการ
ซึ่งเพราะการยอมรับกันเป็นวงการนี้เองที่มันได้สร้างมูลค่าทางการตลาดให้ตัวเอง เนื่องจากจะมีสินค้าหลากหลายแบรนด์ที่พร้อมจะยื่นข้อเสนอต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พรีเซ็นเตอร์ ให้กับเหล่าซุปเปอร์สตาร์เหล่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าในวงการบาสเก็ตบอลเองก็มีกรณีให้เห็นกันอยู่มากมายเช่นกัน ซึ่งสำหรับวันนี้เราจะขอมาพูดถึงอีกหนึ่งสตาร์ดวงหนึ่ง ซึ่งถือได้ว่าโดดเด่น และ เป็นที่รู้จักกันเป็นวงกว้างอย่าง เลบรอน เจมส์
ก่อนอื่นเราต้องยอมรับกับก่อนว่าในสมัยนี้การที่แบรนด์สักแบรนด์จะเลือกใครสักคนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์
หรือ แบรนด์ แอมบาสเดอร์ ได้นั้น จะต้องผ่านการวิเคราะห์และศึกษาถึงประวัติและต้นกำเนิดของคน ๆ นั้นมาอย่างละเอียดยิบถี่ถ้วน มันจึงทำให้หลาย ๆ แบรนด์ต่างก็ต้องปล่อยให้เหล่านักกีฬาเหล่านั้นฉายแววโดดเด่นในลีกเสียก่อน แล้วจึงค่อยทำการเซ็นสัญญา
แต่ทว่ามันไม่ใช่กับ คิง เจมส์ ของเรา เพราะหากเราย้อนอดีตไปมองเขาคนนี้ เขาคือนหนึ่งในผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มอันร้อนแรงมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ซึ่งฟอร์มกันเล่นอันโดดเด่นนี้เองที่ทำให้หลาย ๆ คนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ้าหนูคนนี้คือ คนที่ใน 100 ปีจะมีสักคน และ แน่นอนว่าเขาคนนี้จะต้องยิ่งใหญ่ในวงการบาสไม่ต่างกับรุ่นพี่อย่าง ไมเคิล จอร์แดนอย่างแน่นอน และเพราะสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้เขาถูกดราฟเป็นเบอร์ 1 อย่างไม่ต้องคิดอะไรเยอะ
และเมื่อเป็นอย่างที่เราได้บอกข้างต้น บรรดาเหล่าแบรนด์กีฬาต่าง ๆ ก็กรูกันเข้ามารุมล้อมเจ้าหนูคนนี้ในทันที โดยเฉพาะศึกที่สำคัญที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นศึกของผู้นำด้านรองเท้าแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งแท้จริงแล้วแบรนด์แรกที่พุ่งเป้าเข้ามาหาชายคนนี้กลับไม่ได้เป็น Nike ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน แต่กลับเป็นแบรนด์อย่าง adidas และ Reebok ที่ตรงเข้ามาหาเขาเป็นเจ้าแรก ๆ
โดยแบรนด์อย่าง adidas ได้ยื่นข้อเสนอสัญญา 10 ปี มูลค่ามากถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ให้ในตอนแรก แต่ทว่าต่อมาก็ขอต่อลดลงเหลือ 70 ล้านเนื่องจากทางแบรนด์ต้องนำงบบางส่วนไปช้ในการสนับสนุนนักกีฬาในสังกัด เช่น โคบี้ ไบรอันท์ และ เทรซี่ แม็คเกรดี้
ส่วน Reebok นั้นได้ทำการยื่นสัญญามูลล่าเท่ากับแบรนด์จากเยอรมันดีด้วยมูลค่าถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แถมไม่มีการต่อขอลดราคาลงเลยแม้แต่น้อย พร้อมกันนั้นพวกเขายังมีเงินโบนัสจากค่าเซ็นสัญญ่ให้แบบทันทีอีก 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้คุณอย่าลืมว่ามันถูกเสนอให้ เลบรอน เจมส์ ตั้งแต่ตอนที่เขายังมีอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น
แต่ทว่า เลบรอน เจมส์ กลับที่จะยอมทิ้งโอกาสรับเงินกินเปล่าแบบ 10 ล้านไป โดยเขายังขอที่จะตัดสินใจดูข้อเสนอจากแบรนด์อื่น ๆ ก่อน ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ที่เขาคนนี้กำลังรออยู่นั่นก็คือหนึ่งในแบรนด์ดังอย่าง Nike นั่นเอง
ในตอนนั้นแม้ว่า Nike จะกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำด้านรองเท้าบาสไปแล้วจากผลพวงของการขายรองเท้ารุ่น Air Jordan แต่เขาก็เชื่อว่าทุกอย่างมันย่อมมีวันเลิกลา เนื่องจากตอนนั้น ไมเคิล จอร์แดน เองก็ใกล้ที่จะเลิกเล่นเต็มที่ มันจึงทำให้เขาจำเป็นที่ต้องมองหาตัวตายตัวแทน ซึ่งหวยมันก็มาออกที่เจ้าเด็กคนนี้
ซึ่งทาง Nike ก็ได้ส่งจดหมายไปเชิญ เลบรอน เจมส์ และครอบครัว มาที่สำนักงานของแบรนด์โลโก้ Swoosh
ก่อนวันดราฟจะเริ่มขึ้น1 วัน ซึ่งแค่จดหมายเชิญของพวกเขามันก็ไม่เหมือนกับของแบรนด์อื่น ๆ แล้ว เพราะทาง Nike ได้ทำการออกแบบบัตรเชิญให้มีความหรูหรา พร้อมกับใช้คำว่า King และ The Chosen One ใส่ลงไปในจดหมาย
แต่การวางแผนจัดใหญ่ของ Nike ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านั้นเพราะพวกเขายังได้วางแผนไปยันทางเดิน โดยพวกเขาได้ตั้งใจให้ทางเดินที่ เลบรอน เจมส์ จะต้องเดินผ่านั้นจะมีเหล่ารองเท้าของบรรดาเหล่าซุปเปอร์สตาร์ NBA ที่เคยสร้างชื่นร่วมกับ Nike วางเรียงรายไว้ ก่อนที่จะปิดท้ายด้วย Air Jordan แต่ทว่าหลังจากนั้นจะมีอีกแท่นหนึ่งรออยู่ แต่มันจะถูกเว้นว่างเอาไว้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์กลาย ๆ ว่า แท่นที่ว่างเปล่านี้กำลังรอ เลบรอน เจมส์ มาเติมเต็มมันอยู่
แต่ถ้าแค่นั้นคุณคิดว่า Nike จัดหนักแล้ว เราขอบอกเลยว่ายังไม่ใช่ที่สุด เพราะว่าทาง Nike ยังมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อีกมากมายที่พิมพ์ประทับตราของ เลบรอน เจมส์ เอาไว้เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาคนนี้คือคนสำคัญที่จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับแบรนด์ต่อไปในอนาคต แถมทาง Nike ยังสืบไปถึงเรื่องของอาหารการกิน โดยพวกเขาได้เตรียมอาหารว่างไว้เป็น Fruity Pebbles ซึ่งเป็นซีเรียลที่นักบาสคนนี้โปรดปรานเป็นอย่างมาก
แต่ไฮไลท์สำคัญมันอยู่ที่ห้องประชุมที่เตรียมสำหรับการพรีเซ็นต์นี่แหละ
เพราะทันทีที่ เลบรอน เจมส์ เปิดเข้าไปเขาก็ต้องแทบผงะ เนื่องจากทาง Nike ได้เนรมิตห้องประขุมด้วยธีมของคำว่า King โดยมีทั้งบัลลังกค์ ผ้าคลุม รวมถึงหนังสิงโตเป็นส่วนประกอบ แถมยังมีภาพร่างรองเท้า รวมถึงใช้วิธีการนำเสมอด้วยการดึงคนสนิท และคนในครอบครัวของ เลบรอน เจมส์ เข้ามาร่วมงานพรีเซนต์ ซึ่งทาง Nike จัดให้ใหญ่ขนาดนี้โดยที่ เลบรอน เจมส์ ยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้าสู่ NBA เลยแม้แต่น้อย
และแน่นอนว่าเมื่อทาง Nike เล่นใหญ่ขนาดนี้มันก็ค่อนข้างที่จะสร้างความอิมแพคมาก ๆ ให้กับทาง เลบรอน เจมส์ จนทำให้คืนนั้นพวกเขาที่สามารถพิชิตใจเจ้าหนูอายุ 18 ปีคนนี้ได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ยิ่งทำให้ทั้ง adidas และ Reebok ต้องเจ็บช้ำก็คือ สัญญาที่
เลบรอน เจมส์ ยอมเซ็นนั้น มีมูลค่าอยู่ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโบนัสการเซ็นสัญญา อีก 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งน้อยกว่า 2 แบรนด์ทั้งสิ้น ซึ่งสิ่งนี้เองที่แสดงให้เห็นถึงว่า เลบรอน เจมส์ ไม่ได้สนใจเพียงแค่เรื่องอย่างเดียว แต่เขาต้องการแบรนด์ทำมองเขาเหมือนคนในครอบครัวมากกว่า แต่คุณอย่าลืมว่านั่นคือสัญญาเพียงแค่ปีแรกที่ เลบรอน เจมส์ ก้าวเข้าสู่ NBA และเพราะการดูแลราวกับเป็นพี่น้องคลานกันมานี้เองที่ทำให้ในที่สุดปี 2015 เลบรอน เจมส์ ก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาตลอดชีพกับทาง Nike
และนี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เราได้เห็นว่าบางทีแล้วเงินก็ไม่ใช่เรื่อสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั่นก็คือ การดูแลเอาใจใส่ แล้วคุณละ จะเลือกอะไรระหว่าง เงิน หรือ คนที่ใส่ใจ dunkswin9
เครดิต : สล็อตเว็บตรง