หากถึงสตาร์ดังบาส NBA ในยุคนี้เราเชื่อว่าชื่อราชาแห่งวงการบาสและหลาย ๆ คนน่าจะพอรู้จักกันอย่างดนั่นก็คือ ชายที่มีชื่อว่า เลบรอน เจมส์ โดยเขาคนนี้ถือได้ว่าเป็นนักบาสอีกหนึ่งคนที่มีทั้งคนรัก และ คนเกลียด มากอยู่พอสมควร และเขาคนนี้นี่แหละที่ยังสร้างปรากฏการณ์อย่างการเผาเสื้อ สาปส่งกันมาแล้วเมื่อครั้งสมัยที่ตัวของเขาย้ายจาก คีฟแลนด์ ไปสู่ ไมอามี่ ฮีต
แต่ถึงตัวของ เลบรอน เจมส์ นั้นจะมีทั้งคนรัก และ คนเกลียดพอ ๆ กันก็ตาม แต่ทว่าเขาคนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นนักบาสอีกหนึ่งคนที่ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จทั้งใน และ นอกสนาม เพราะในสนามเขาคนนี้ก็สามารถที่จะคว้าแชมป์มาประดับมือไว้ได้อย่างมากมาย ส่วนผลงานนอกสนามของเขา เขาคนก็ยังถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจที่ค่อนข้างมีความสามารถ และ สามารถมองธุรกิจขาดได้ระดับหนึ่งเลยทีเดยว
ซึ่งอะไรที่ทำให้ตัวของ เลบรอน เจมส์ สามารถทำความสำเร็จมาได้ถึงขนาดนี้นั้น ก่อนที่จะไปเริ่มต้นอ่านบทความนี้ เราแนะนำให้ทุกคนไปอ่านเรื่องราวจุดเริ่มต้นในการเข้ามาสู่แวดวงธุรกิจของ เลบรอน เจมส์ คนนี้กัน แต่ถ้าใครเคยอ่านแล้วละก็ เรามาลุยกับเรื่องราวของเขาคนนี้กันต่อในบทความนี้กันได้เลย
และอย่างที่หลาย ๆ คนรู้ว่าตัวของ เลบรอน เจมส์ ได้เลือกแบรนด์ที่จะมาสนับสนุนเป็น Nike และ นั่นเองก็ทำให้ตัวของเขานั้นถือได้ว่าเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของไนกี้ และทำให้การต่อสัญญาในฐานพรีเซ็นเตอร์ของ เลบรอน เจมส์ กับไนกี้นั้นค่อนข้างที่จะมีมุลค่ามหาศาลเลยทีเดียว โดยมีหลาย ๆ สื่อคาดการณ์กันว่า การต่อสสัญญาของ เลบรอน เจมส์ กับ ไนกี้ ในปี 2015 นั้นมีมูลค่ามาถึง 30,000 ล้านบาท แถมยังนับว่าสัญญาฉบับนั้นเป็นสัญญาตลอดชีพครั้งแรกของ ไนกี้ ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาอีกด้วย
นอกจาก ไนกี้ แล้ว ตัวของ เลบรอน เจมส์ ยังเซ็นสัญญากับอีกหลากหลายแบรนด์
แถมยังเป็นแบรนด์ระดับโลกแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น McDonald’s , Coca-Cola หรือ Intel บริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์
ซึ่งแน่นอนว่าการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ เลบรอน เจมส์ นั้นก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากนักกีฬาคนอื่น ๆ แล้วอะไรกันละที่มันทำให้ตัวของ เลบรอน เจมส์ นั้นแตกต่างจากคนอื่น ซึ่งสิ่งที่แตกต่างนั่นก็คือตัวของ เจมส์ นั้นมีความสนใจ และ ชื่นชอบในการทำธุรกิจ และ ด้านการลงทุน โดยถ้าเราจะยกตัวอย่าง ในปี 2006 ที่มีหูฟังยี่ห้อดังอย่าง Beats by Dre ถือกำเนิดขึ้น ตัวผู้ก่อตั้งอย่าง Dr. Dre แรปเปอร์ชื่อดังต้องการร่วมมือกับ James ในการโปรโมตสินค้า แต่แทนที่ตัวของ เลบรอน เจมส์ จะรับเป็นสปอนเซอร์ให้กับบริษัท แต่ตัวของ เลบรอน เจมส์ กลับยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมในการขอเป็นหุ้นส่วนในบริษัทเข้าไปด้วย
โดยหลังจากที่ตัวของ เลบรอน เจมส์ ได้เข้ามาเป็นหุ่นส่วน
เขาก็เอาตัวเองเป็นช่องทางการตลาดโดยในช่วงกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีน เขาก็ได้แจกหูฟังให้กับเพื่อนร่วมชาติของเขาทุกคน ทำให้ภาพของนักกีฬาบาสจากอเมริกนั้นเป็นภาพที่นักบาสทั้ง 15 คนของอเมริกาไปไหนมาไหนก็ใส่แต่หูฟัง Beats by Dre คล้องคออยู่เสมอ ซึ่งจุดนี้นี่แหละที่ทำให้หูฟ้งยี่ห้อนี้กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก และ หลังจากที่บริษัท Apple ได้ซื้อบริษัทไปในปี 2014 ตัวของ เลบรอน เจมส์ ก็ได้รับส่วนแบ่งจากชายกิจการดังกล่าวไปแบบเต็ม ๆ ถึง 900 ล้านบาทเลยทีเดียว
อีกหนึ่งการลงทุนที่น่าสนใจของ เลบรอน เจมส์ นั่นก็คือ การลงทุนในร้าพิซซ่าแบรนด์ Blaze Pizza ในปี 2012 โดยตัวของ
เลบรอน เจมส์ ได้ตัดสินใจลงทุนกับบริษัทพิซซ่าแห่งนี้ด้วยทุนถึง 30 ล้านบาท
ในขณะที่ตอนนั้นร้านยังมีเพียงแค่ 1 สาขาเท่านั้น แถมมันยังเป็นการลงทุนที่บ้ามาก เพราะว่าจัวของ เลบรอน เจมส์ นั้นตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญามูลค่า 450 ล้านบาทกับ McDonald’s เพื่อที่จะนำภาพลักษณ์ของตัวเองมาใช้ในการโปรโมทร้านที่เขาลงทุน
และในปี 2017 ทางนิตยสาร Forbes ก็ได้จัดอันดับว่า ร้านพิซซ่าอย่าง Blaze Pizza กลายเป็นร้านอาหารที่เติบโตเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา แถมยังมีจำนวนมากถึง 336 สาขา แถมมูลค่าเงินการลงทุนของ เลบรอน เจมส์ จาก 30 ล้านบาท ได้เพิ่มขึ้นเป็น
1,200 ล้านบาทในปัจจุบัน เรียกด้ว่าตัวของ เลบรอน เจมส์ ได้กำไรตอบแทน 40 เท่าเพียงระยะเวลาแค่ 5 ปีเท่านั้น
และการลงทุนที่สร้างชื่อที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการที่ตัวของ เลบรอน เจมส์ ได้ลงทุนกับทีมอย่าง ลิเวอร์พูล
ในปี 2011 และการที่ลิเวอร์พูลได้ใช้ชื่อของ เลบรอน เจมส์ ในการโปรโมทนี้เองที่ทำให้บรรดาเหล่าลูกค้าจากบริษัท ๆ ต่าง ๆ เริ่มเข้ามา และทางตัวของ เลบรอน เจมส์ ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้พลาดไป เพราะเขาได้ยื่นข้อแลกเปลี่ยนนอกเหนือจากค่าตัว เป็นการถือหุ้น 2 % ในทีมลิเวอร์พูล และหลังจากที่เขาตกลงกันเสร็จ ตัวของ เลบรอน เจมส์ ก็ได้เข้าเยี่ยมชมการแข่งขันของ ลิเวอร์พูล และ เขายังมอบหูฟัง Beats by Dre รุ่นพิเศษให้กับนักฟุตบอลในทีมอีกด้วย ซึ่งหลังจากดีลดังกล่าว ลิเวอร์พูลก็ได้เป็นแชมป์รายการใหญ่ที่สุดอย่าง ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และทำให้ทีมลิเวอพูลมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 2,100 ล้านบาท
นอกจากการลงทุนทั้งหมดที่เราได้กล่าวมาของ เลบรอน เจมส์ นั้นตัวของเขาก็พอร์ตดด้านการลงทุนต่าง ๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นการลทุนกับบริษัทที่มีชื่อว่า Ladder ซึ่งตัวของ เลบรอน เจมส์ ได้ร่วมือกับดารากล้ามโจอย่าง Arnold Schwarzenegger เพื่อสร้างแบรนด์อาหารเสริมคุณภาพสูงสำหรับนักกีฬา และหลังจากนั้นกิจการดังกล่าวก็ได้ถูกซื้อต่อไปโดย Openfit แบรนด์ฟิตเนสชื่อดัง
อีกหนึ่งบริษัท เลบรอน เจมส์ ลงทุนด้วยนั่นก็คือ บริษัทอย่าง SpringHill Entertainment
บริษัทที่ทำงานด้านผลิตภาพยนตร์ สารคดี และรายการโทรทัศน์หลากหลายรายการ ซึ่งบริษัทนี้ได้ก่อตั้งโดยเพื่อนซี้ของเขา และ บริษัทนี้ยังได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทเอาไว้กว่า 22,500 ล้านบาท
ซึ่งในปัจจุบันนั้นตัวของ เลบรอน เจมส์ ได้ถูกนิตยสารอย่าง Forbes ระบุเอาไว้ว่าตัวของเจมส์ นั้นมีมีทรัพย์สินราว 25,500 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าขนาดนี้มันทำให้เขาถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจระดับเบอร์ต้น ๆ ของวงการ และ เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเลยทีเดีย แต่ถึงแบบนั้นแล้วความฝันของเขาก็ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะตัว เลบรอน เจมส์ ยังมีอีกหนึ่งฝันนั่นก็คือก การเป็นหนึ่งในเจ้าของทีมใน NBA ซึ่งตอนนี้เขายังไม่สามารถทำได้เพราะยังเป็นผู้เล่น แต่ในอนาคต มันก็ไม่แน่หรอกว่า เขาคนนี้อาจจกลายเป็นใน CEO ของทีมใดทีมหนึ่งก็เป็นได้ dunkswin9
เครดิต : สล็อตเว็บตรง