สิ่งที่อยู่คู่กับเกมกีฬาเสมอมาตั้งแต่ในอดีตไปจนถึงปัจจุบันไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกี่ยุคกี่สมัยก็ตามนั่นก็คือ บรรดาเหล่าแฟนคลับของสโมสรนั้น ๆ นั่นเอง ซึ่งความคลั่งไคล้ของบรรดาเหล่าแฟนกีฬาเหล่านี้ส่วนใหญ่อันดับแรกเลยมันจะเกิดขึ้นกับบรรดาเหล่าผู้คนที่อยู่ในท้องถิ่นนัน แต่ทว่าทฤษฎีนั้นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะว่ายังมีบรรดาแฟนกีฬาอีกทั่วทุกมุมโลกที่พร้อมจะซัพพอร์ตให้ทีมของตัวเองประสบความสำเร็จ แต่ทว่าแฟน ๆ บางคนก็อาจจะมีอาการท้อหากว่าทีมรักของตัวเองนั้นเล่นมากี่ปีก็หาความสำเร็จไม่ได้สักที ซึ่งหนึ่งทีมบาส NBA ที่พยายามควานหาความสำเร็จอย่างหนักมาเสมอนั่นก็คือ ทีมอย่าง โตรอนโต
แรปเตอร์ส ถึงเจ้าไดโนเสาร์ตัวนีจะควานหาความสำเร็จมาอย่างยาวนานแต่ทว่ากับมีแฟนสโมสรคนหนึ่งที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเขาก็ยังรอ แถมเขาคนนี้ยังไม่ใช่แฟนที่เป็นคนในพื้นที่อีกด้วย ซึ่งเพราะความมั่นคงที่เขามีต่อทีมนี้นี่เองที่มันได้ทำให้เขาคนนี้กลายเป็นเสมือนกับสัญลักษณ์ของทีม ๆ นี้ไปโดยปริยา ซึ่งแฟน พันธุ์แท้คนนี้เขามีชื่อว่า นาฟ บาเทีย
เรื่องราวของ นาฟ บาเทีย กับแผ่นดินอเมริกานั้นได้เริ่มต้นในปี 1984
โดยเจาคนนี้ได้อพยพจากอินเดียมาสู่แคนดา ซึ่งแม้ว่าในประเทศอินเดียเขาคนนี้จะทำอาชีพเป็นวิศวกรเครื่องกลก็ตาม แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ด้วยเรื่องของสัญชาติของเขานี่แหละที่ทำให้เขาไม่สามารถที่จะทำอาชีพเดิมได้ มันจึงทำให้ได้อาชีพเป็นเซลส์ในบริษัทขายรถยี่ห้อ ฮุนได
และด้วยความที่นาฟ บาเทียเป็นชาวซิกข์ ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติของเขานั้นจำเป็นที่จะต้องแต่งกายด้วยการโพกหัว และ ไว้หนวดเครา มันเลยทำให้ชายคนนี้เริ่มกลายเป็นคนที่แปลกแยกในสังคมอเมริกา แถมยังไม่ได้รับการยอมรบ และ ไม่ถูกนับเป็นชาวแคนดาด้วยซ้ำ หนำซ้ำมันจะพ่วงไปถึงเรื่องของความปลอดภัยเนื่องจากหลาย ๆ คนในเมืองส่วนใหญ่ไม่ไว้ใจเขานั่นเอง
แต่ในขณะเดียวกันช่วงเวลานั้นก็มีอีกหนึ่งกีฬาที่ได้เดินทางสู่เข้าสู่แคนดาเช่นเดียวกันตัวนาฟ บาเทีย โดยกีฬาที่ว่านั่นก็คือกีฬาอย่างบาสเกตบอล แต่ถึงแบบนั้นเองตัวบาสเกตบอลในประเทศแคนดานั้นก็ไม่ได้ไปไกลเท่าที่ควรเนื่องจากคนในประเทศนี้ไม่ค่อยนิยมกันนั่นเอง และใน โตรอนโต เองก็เช่นกัน
โดยในโตรอนโตนั้นส่วนใหญ่แล้วผู้คนในท้องถิ่นมักจะนิยมกีฬาอย่าง ฮอคกี้น้ำแข็ง มากกว่า
จึงทำให้กีฬาบาสนั้นกลายเป็นกีฬาสำหรับเหล่าผู้อพยพมากกว่า แต่ถึงแบบนั้นเองความนิยมของกีฬาชนิดนี้ก็ยงถือได้ว่ามีความนิยมเป็นอันดับที่ 3 รองจากกีฬาอย่าง ฮอคกี้ และ ฟุตบอลแต่ทว่ากีฬาอย่างบาสเกตบอลนี้เองที่มันได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้คนอย่าง นาฟ บาเทีย
ในปี 1995 NBA ได้รุกเตรียมตัวที่จะรุกไปยังตลาดต่างประเทศ
และ อันดับแรกพวกเขาต้องทำให้ประเทศที่อยู่เป็นบ้านใกล้เรือนเคียงของเขามาตลอดอย่าง แคนดาสนใจให้ได้ก่อน ซึ่งในทีสุดกระแสบาสเกตบอลฟีเวอร์ก็เกิดขึ้นในแคนดา จนทำให้พวกเขาได้สร้างทีมอย่า โตรอนโต แรปเตอร์ส ขึ้นมา แม้ว่าเจ้าทีมไดโนเสาร์นี้จะมีเงินทุกทำทีมไม่ใช่น้อย แต่ทว่ามันก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากคนท้องถิ่นยังเคยชินกับกีฬาเก่า ๆ ของพวกเขา โดยพวกเขาแทบจะไม่รู้กฎพื้นฐานของบาสเกตบอลเยด้วยซ้ำ มันเลยทำให้บรรดาเหล่ากองเชียร์ท้องถิ่นเข้ามาทำหน้าที่แค่สงเสียง โบกธง และกลับออกไปหลังเกมจบเพียงเท่านั้น แน่นอนว่าการถูกเลือกปฏิบัตินี้มันช่างเหมือนกับชีวิตของ นาฟ บาเทีย ซะเหลือเกิน ซึ่งแม้ว่าความขยันของเขาจะทำให้เขาเจริญในหน้าที่การงานจนกลายมาเป็นผู้จัดการสาขาแล้วก็ตามแต่เขาคนนี้ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอยู่ดี และด้วยการที่เขาไม่ถูกยอมรับนี้เองที่ทำให้วันหนึ่งเขาก็ได้ซื้อบัตร 2 ใบเพื่อเข้ามาชมเกมที่ แร็พเตอร์ แข่งทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รู้จักกีฬาบาสอะไรเท่าไหร่นัก
จุดมุ่งหมายของเขาที่เข้ามาชมในเกมนั้นก็เพราะว่าเขานั้นต้องการที่จะรับรู้ถึงความพยายามที่จะก้าวข้ามให้ตนเองกลายเป็นที่รู้จัก เนื่องจากตอนนั้น แรปเตอร์ส ก็ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าพวกเขามีดีกว่า ฮอคกี้ และทันทีที่เขาได้เข้าสู่สนาม โลกของ นาฟ บาเทีย ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
และหลังจาการชมเกมในครั้งตั้งแต่ปี 1995 จวบจนถึงทุกวันนี้ตัวของ นาฟ บาเทีย ก็ไม่เคยพลาดการแข่งขันของ แรปเตอร์ส ในบ้านเลยแม้แต่นัดเดียว แถมเขาคนนี้นี่แหละที่เป็นคนแรกที่ต่อคิว และ จองการซื้อตั๋วปีตั้งแต่ที่ก่อนซีซันจะเริ่มเสมอ ซึ่งการกระทำเหล่านี้นี่เองที่ทำให้บรรดาเหล่าแฟน ๆ ทีมรู้จักกับเขาในชื่อของ ซุปเปอร์แฟน
และหลังจากนั้น 4 ปีต่อมา ไอเซย์ โธมัส รองประธานของทีมแร๊พเตอร์ในขณะนั้นก็ได้เห็นถึงความคลั่งไคล้ของ นาฟ บาเทีย หลังจากเจ้าตัวยอมเลื่อนการผ่าตัดไตเพื่อเข้าไปชมเกมในสนาม จนทำให้ในที่สุดฝ่าบริหารก็ตัดสินใจมอบเสื้อแข่งที่มีข้อความว่า “ซูเปอร์แฟน” ให้กับ บาเทีย เพื่อให้เขาเป็นหน้าเป็นตาของทีมแรปเตอร์ส
ซึ่งในจังหวะที่ตัวของ นาฟ บาเทีย ได้รางวัลซุปเปอร์แฟนไปครองนั้น
ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ วินซ์ คาร์เตอร์ มือหนึ่งแห่งไฮสคูลในขณะนั้นได้ย้ายเข้ามาพอดี และ นั่นเองก็จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมอย่าง แร๊พเตอร์ เริ่มมีชื่อเสียงมากกว่า ฮอคกี้ โดย
วินซ์ คาร์เตอร์ คือจอมดังค์ที่มีลีลาสุดสะแด่วทีสุดในวงการบาส NBA ซึ่งเพราะลีลาอันจัดจ้านของเขานี้เองนี่แหละที่ทำให้บรรดาเหล่าแฟน ๆ เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในสนามเพื่อที่จะชมลีลาการเล่นของเขา นอกจากนั้นตัวเมืองยังเริ่มมีการสร้างสนามบาสเกตบอลที่ทันสมัยขึ้นเพื่อให้เหล่าเด็ก ๆ ในเมืองได้มาเล่นกันแบบฟรี ๆ
แต่ไม่ใช่เพียงแค่ทีม และ วินซ์ เท่านั้นที่พยายามสร้างทีม ตัวของ นาฟ บาเทีย เองก็เช่นกัน เขาพยายามที่จะลบภาพลักษณ์ของชาวซิกซ์ที่ตอนนั้นค่อนข้างติดลบในสายตาคนท้องถิ่น โดยเขาได้เข้าใจดีว่าแค่ภาพลักษณ์เงินทองอย่างเดียวไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรนั้น ดังนั้นเขาจึงคิดไปถึงสังคม และการที่จะทำเพื่อสังคมได้ดีที่สุดนั่นก็คือ การให้
ด้วยความเป็นซุปเปอร์แฟนของ นาฟ บาเทีย นี่เองที่ทำให้เขามีของสะสมเกี่ยวกับทีมมากมาย รวมถึงเสื้อที่ผู้เล่นของทีมมอบให้ แต่ทว่าเขากลับไม่เก็บของเหล่านับเอาไว้เลย เพราะเขาได้เอาสิ่งเหล่านั้นไปให้กับเด็ก ๆ ที่ไร้โอกาส นอกจากนั้นด้วยความที่เขาเริ่มมีฐานะร่ำรวยจากการที่ขยับตำแหน่งมาเป็นผู้จัดการสาขานี้เอง ที่ทำให้เขาซื้อตั๋วชมการแข่งขันถึง 3,000 ใบ ในทุก ๆ วันฉลองปีใหม่ของชาวซิกข์ และนำไปแจกให้กับชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงในเสมือง แถมเขาคนนี้ยังมอบทุนบริจาคกว่า 300,000
ดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อเอาไปสร้างสนามบาสในชุมชนต่าง ๆ อีกด้วย
และนี่แหละก็คืออีกหนึ่งเรื่องราวของแฟนพันธุ์แท้ผู้ที่อยู่คู่กับทีมมาตั้งแต่การค้นหาตัวเองของ นาฟ บาเทีย dunkswin9