“ ถ้าพูดถึงในประวัติศาสตร์กีฬาชาติของสหรัฐอเมริกา สิ่งที่ Detroit Pistons ทำในปี 2004 คือปาฏิหาริย์ที่แท้จริง ”ถ้าพูดถึง Detroit Pistons ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรก็คงหนีไม่พ้นยุค Bad Boy Pistons ยุคที่มีแต่ผู้เล่นตัวแสบอย่าง Bill Laimbeer , Isiah Thomas , Rick Mahorn , Joe dumars , Dennis Rodman และ John Salley ภายใต้การคุมทีมของ Chuck Daly
ถึงแม้ว่าการเล่นของพวกเขามันจะไม่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
เพราะเต็มไปด้วยความสกปรกในสนาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Detroit Pistons ในยุคนั้นเป็นยุคที่ประสบความสำเร็จที่สุดของสโมร โดยพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ได้ 2 สมัยติดๆ กันคือในฤดูกาล 1989 และ 1990 ก่อนที่ผู้เล่นภายในทีมจะค่อยๆ ทยอยแยกย้ายกันออกไป ทำให้ทีม Detroit Pistons ค่อยๆ อ่อนแอลงเรื่อยๆ และไม่เคยกลับขึ้นมาอยู่ในจุดที่ตัวเองเคยทำได้อีกเลย เรียกได้ว่าผลงานของพวกเราแทบจะไม่เป็นชิ้นไม่เป็นอันเลยทีเดียว แล้วก็ยังมีความยุ่งเหยิงภายในทีมอีกเพียบเลยทีเดียว ทำให้พวกเขาต้องมองหาใครซักคนที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้และใครคนนั้นก็คือ Joe dumars อดีตผู้เล่นในชุด Bad Boy Pistons นั่นเอง
โดยตำแหน่งที่ทีมได้มอบหมายให้กับ Joe Dumars ก็คือตำแหน่งที่ปรึกษาของทีมพ่วงตำแหน่ง GM ประจำทีมเข้าไปอีก 1 ตำแหน่งในช่วงปี 2000 – 2001 ซึ่งถ้าให้พูดกันตรงๆ ในตอนนั้นที่ Joe Dumars เข้ามารับตำแหน่งนี้หลายคนมองว่า Detroit Pistons คงจะหมดมุกแล้ว อย่าว่าแต่แชมป์เลยแค่เข้าไปเล่น Playoff ให้ได้ก็ยากแล้วเพราะในช่วง 8 ปีหลังพวกเขาได้เข้าไปเล่นใน Playoff แค่ 4 ครั้ง แถมทุกครั้งที่เข้าไปเล่นใน Playoff พวกเขาก็เป็นได้แค่ไม้ประดับเท่านั้น แต่ใครมันจะไปรู้ว่าหลังจากนี้อีกไม่กี่ปี Joe Dumars คนนี้แหละที่จะพา Detroit Pistons กลับมาเถลิงบัลลังก์แชมป์ได้สำเร็จ
โดยภารกิจแรกที่ Joe Dumars ทำหลังจากเข้ารับตำแหน่งก็คือการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ Joe Dumars จึงได้ติดต่อไปยังทีม Orando Magic เพื่อขอเทรด Grant Hill ผู้เล่นตัวเก่งของทีมเพื่อแลกกับ Chucky Atkins ของ Magic โดยทาง Magic ก็ใจดียอมให้ดีลนี้เกิดขึ้นแถมพวกเขายังแถม Ben Wallace มาให้กับ Detroit Pistons เพื่อเป็นของสรรมนาคุณอีกด้วย ใจดีจริงๆ หารู้ไม่ว่าในภายหลังผู้เล่นตัวแถมที่พวกเขา “แถม” ให้กับ Detroit Pistons อย่าง Ben Wallace เนี้ยะจะกลายมาเป็นเซ็นเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งในลีกส์ในภายหลังแถมเขายังเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ช่วยพา Detroit Pistons ได้แชมป์อีกต่างหาก
ซึ่งตรงจุดนี้ต้องบอกว่า Joe Dumars
ทำหน้าที่ได้ดีและฉลาดมาก เพราะในฤดูกาลนั้น Grant Hill กำลังจะหมดสัญญากับทีมอยู่แล้วและกำลังจะกลายเป็นผู้เล่นในตลาด Free Agent ซึ่ง Pistons ก็จะเสียประโยชน์ตรงจุดนี้ไปแต่ไม่รู้ว่า Joe Dumars ไปทำอีท่าไหนเหมือนกัน Grant Hill ถึงได้ยอมเทรดตัวเองไปอยู่กับ Magic ในภายหลัง ทำให้ Pistons ยังพอได้ประโยชน์จากเขาอยู่ไม่น้อย
ก่อนที่ในปีถัดมา 2002-2003 Joe Dumars จะได้ทำการเทรด Jerry Stackhouse ไปแลกตัวกับมือปืนจอมแม่นของ Magic อย่าง Richard Hamilton และได้ทำการเซ็นสัญญากับ Chauncey Billups (Mr.Big Shot) เข้ามาสู่ทีมและในปีเดียวกันพวกเขายังได้ดราฟท์ผู้เล่น Rookie เข้ามาเสริมทัพอีก 1 คนนั่นก็คือ Tayshaun Prince ซึ่ง Tayshaun Prince เด็กใหม่หน้ามนต์คนนี้ถือว่าเป็นคนที่พิเศษมากๆ ของทีมเพราะนอกจากเขาจะมีรูปร่างที่สูง มีแขนยาว มีเกมรับที่เหนียวแน่นแล้วเขายังทำหน้าที่เป็นคนที่เชื่อมความสัมพันธ์ของผู้เล่นภายในทีม Detroit Pistons ชุดนี้ให้กลมเกลียวกันซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการคว้าแชมป์เลยก็ว่าได้
ย้อนกลับไปมอง Orando Magic สมมุติว่าพวกเขาเลือกที่จะเก็บ Ben Wallace ไว้กับทีม หรือ Richard Hamilton ไว้กับทีม ไม่แน่ Orando Magic อาจจะกลายเป็นแชมป์ในภายหลังก็ได้ใครจะไปรู้
ในปี 2004 ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในทีมขึ้นอีกครั้งเมื่อทาง Detroit Pistons ได้ตัดสินใจแยกทางกับโค้ช Rick Carlisle และได้แต่งตั้ง Larry Brown ขึ้นมาเป็น Headcoach คนใหม่ของทีมและก่อนที่ตลาดซื้อ-ขายผู้เล่นจะปิดลงเพียงไม่กี่นาที ทาง Detroit Pistons ยังสามารถปิดดีลสำคัญอีก 1 ดีลได้สำเร็จนั่นก็คือการคว้าตัว Rasheed Wallace ได้ทันเวลาพอดีในวินาทีสุดท้ายอีกด้วย
โดยระบบที่โค้ช Larry Brown ติดตั้งให้กับ Detroit Pistons ก็คือระบบของการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่นนั่นเองครับ ซึ่งผมขอยกความดีความชอบส่วนหนึ่งให้โค้ช Rick Carlisle ด้วยนะครับเพราะเขาเป็นคนที่สร้างทีมนี้ขึ้นมาก่อนที่จะส่งมอบทีมให้กับ Larry Brown จนสามารถคว้าแชมป์ได้
สถิติในฤดูกาลปกติของ Detroit Pistons ชุดแชมป์ 2004
พวกเขาสามารถเก็บชัยชนะไปได้ 54 เกม และแพ้เพียงแต่ 28 เกมเท่านั้น ทำให้พวกเขาสามารถเข้าไปเล่นใน Playoff ได้แบบสบายๆ
Playoff Season 2004 เกมแรกพวกเขาต้องพบกับ Milwaukee Bucks ก่อนที่จะเป็น Detroit Pistons ที่ชื่อชั้นเหนือกว่าจะสามารถเก็บชัยชนะไปได้แบบสบายๆ 4 ต่อ 0 เกม
เกมถัดมาพวกเขาต้องเจอกับ New Jersey Nets ที่ตอนนั้นมีทั้ง Jason Kidd , Vince Carter และ Richard Jefferson ซึ่งในเกมที่ต้องเจอกับ Newjersey Nets เป็น Detroit Pistons ที่ออกนำไปก่อนในซีรีย์นี้ 2 ต่อ 0 เกม ก่อนที่จะเป็น New Jersey Nets ที่ไล่ตามมาเป็น 2 ต่อ 2 เกม เท่ากับว่า 4 เกมทั้งคู่เสมอกันอยู่ 2-2 เกม เกมถัดไปใครชนะจะได้ขึ้นแท่นและจะต้องเข้าไปเจอกับ Indiana Pacers ในเกมชิงแชมป์สาย ที่มี Reggie Millers ไอบ้าจอมเพี้ยนอย่าง Ron Artest (เมตตา เวิร์ลพีช) และ Jermaine O’Neal โดยทีมที่เก็บชัยชนะในเกมที่ 5 ไปได้ก็คือ New Jersey Nets หลายๆอย่างเอนเอียงไปทาง Nets ทั้งหมดทั้ง Momentum ทั้งนักข่าวต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า Nets จะเป็นผู้ที่ผ่านเข้ารอบไปเจอกับ Pacers แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะสุดท้ายจะเป็นฝ่ายของ Detroit Pistons ที่ใช้ทีมเวิร์คและความใจสู้ของพวกเขาพลิกกลับมาเอาชนะไปได้แบบสุดมัน 4 ต่อ 3 เกม
นัดชิงแชมป์สายพวกเขาต้องเจอกับของแข็งอย่าง Indiana Pacers ทีมที่มีเกมบุกที่ดีที่สุดทีมหนึ่งของลีกส์ NBA ในเวลานั้น แต่ที่น่าแปลกใจก็คือในซีรี่ย์ที่ทั้งคู่เจอกันทั้ง 6 เกม Indiana Pacers ถูก Detroit Pistons เล่นเกมรับใส่จนพวกเขาไม่สามารถทำแต้มได้เกิน 85 แต้มได้แม้แต่เกมเดียว ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น Detroit Pistons ที่ใช้เกมรับนำชัยพาพวกเขาผ่านเข้าไปชิงแชมป์ในรอบ Final ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่หมดยุค Bad Boy Piston โดยในรอบ Final ทีมที่พวกเขาต้องเจอก็คือ LA LAKERS
FINAL NBA ในปี 2004 L.A. LAKERS ยุคนั้นมีทั้ง Kobe Bryant ทั้ง Shaquille O’neal , Gary Payton และ Karl Malone เรียกได้ว่าเป็นทีมที่ Full สุดๆ ทำให้ในหน้าหนังสือพิมพ์ สื่อทุกสื่อ รวมไปถึงนักวิจารณ์ทั้งหลายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไงๆ Detroit Pistons ก็ต้าพลังของ LAKERS ชุดนี้ที่นำทีมโดย Kobe ไม่ไหวอย่างแน่นอน ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น Detroit Pistons ที่หักปากกาเซียนอีกครั้งแถมยังช็อคคนทั้งประเทศด้วยการเอาชนะโครตทีมแห่งยุค แล้วสามารถคว้าแชมป์ NBA มาครองได้สำเร็จ โดยผู้นำของทีม Detroit Pistons อย่าง Chauncey Billups ได้ออกมาพูดว่า
“ถ้าวัดกันตัวต่อตัวยังไงพวกเราก็สู้ L.A. LAKERS ไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าวัดกันที่ทีมเวิร์คพวกเรานี่แหละที่เหมาะสมกับแชมป์มากที่สุด”
โดยเหตุผลหลักๆ ที่พวกเขาสามารถเอาชนะ L.A.LAKERS ไปได้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในตอนนั้น Kobe Bryant มีปัญหากับเพื่อนร่วมทีมอย่าง Shaquille O’neal พวกเขาแทบจะไม่ส่งบอลให้กันและกันเลยและด้วยความที่ทีม LAKERS ชุดนี้ประกอบด้วยผู้เล่นระดับ ALL STAR ซะส่วนใหญ่ วิธีการเล่นของพวกเขาก็เลยออกไปในทางบาสชายเดี่ยวซะมากกว่า พอเจอ Detroit Pistons เล่นเกมรับอย่างเหนียวแน่นและเป็นระบบใส่ LAKERS ก็ถึงกับไปไม่เป็นและพ่ายแพ้ไปในที่สุดครับ
เครดิตภาพ dunkswin9