เราเชื่อว่าวิกฤตครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับโลกมนุษย์เรา และ กลายเป็นที่จดจำมากกว่าครั้งไหน ๆ ในช่วงปี 2020 – 2022 นี้ คงไม่มีวิกฤตอะไรส่งผลกระทบมากเท่ากับปํญหาของไวรัส covid19 อีกแล้ว ซึ่งแน่นอนเพราะการแพร่ระบาดที่ง่ายของมัน และ ยังไม่มีวัคซีนที่จะรักษาโรคนี้ได้อย่างจริง ๆ จัง ๆ จึงทำให้หลาย ๆ คนต่างก็มีความหวาดกลัวมันอย่างเป็นที่สุด
ซึ่งในประเทศแถบเอเชียอย่างเรา ๆ ถือได้ว่าเป็นแถบที่ค่อนข้างมีความกระตือรือร้นกับการป้องกันเจ้าไวรัสตัวนี้เป็นอย่างมาก แต่ทว่าในทางกลับกับประเทศฝั่งยุโรป รวมถึงกลุ่มคนบางส่วนในประเทศแถบนั้น ไม่ค่อยที่จะสนใจวิกฤตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เท่าไหร่นักจนทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสนี้แพร่ขายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว
จนทำให้ในที่สุดแต่ละประเทศก็จำเป็นที่จะต้องออกมาตรการป้องกันต่าง ๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
ตัวนี้กันเป็นการใหญ่ และแน่นอนว่าเมื่อทางรัฐออกมาตราการควบคุมออกมา ทุกคนที่อยู่ภายใต้รัฐแห่งนั้นย่อมถูกบังคับใช้โดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ แม้แต่เหล่านักกีฬาเอง
แต่ทว่ามันกลับมีนักกีฬาคนหนึ่งในวงการบาสเก็ตบอลที่ได้ลุกขึ้นมาพูดถึงกฏการบังคับนี้ และ ปฏิเสธที่จะยอมฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้อย่างเด็ดขาด โดยเขาคนนั้นก็คือ ไครี่ เออร์วิ่ง ผู้เล่นของทีม บรู๊คลิน เน็ตส์ นั่นเอง
เราต้องของเกริ่นที่มาขอเรื่องราวในครั้งนี้กันซะหน่อย โดยที่ ไครี่ เออร์วิ่ง สังกัดอยู่ทีม บรู๊คลิน เน็ตส์ ซึ่งทีมนี้ในปัจจุบันตั้งอยู่ที่ นิวยอร์กนั่นเอง ซึ่งที่แห่งนี้กลับมีบุคคลจำนวนมากที่ยืนยันไม่ยอมรับวัคซีน เนื่องจากมีความเชื่อบางอย่างเกี่ยวกับทางศาสนาที่พวกเขานับถือ และเพราะการไม่ยอมฉีดวัคซีนนี้แหละที่ทำให้สุดท้ายแล้ว นายจ้างก็ตัดสินใจไล่พวกเขาออก
ซึ่งไอ้สิ่งนี้แหละที่มันได้กลายเป็นตัวจุดประกายความคิดบางอย่างของนักบาสผู้นี้ โดยทางตัวของ ไครี่ เออร์วิ่ง
ได้ออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้มีความเชื่อด้านศาสนาเกี่ยวกับการต่อต้านไม่ยอมฉีดวัคซีนแต่อย่างใด แต่เหตุผลที่มันทำให้เขาปฏิเสธการฉีดวัคซีน นั่นก็เพราะว่า เขาต้องการเป็นปากเสียงให้กับคนที่ไม่ต้องถูกเลิกจ้าง เพราะไม่ได้ฉีดวัคซีนเหล่านั้นนั่นเอง
โดยเขามองว่าการไล่ออกด้วยเหตุผลเหล่านี้มันค่อนข้างเป็นอะไรที่เหมาะสมเลย เพราะว่าประเทศอมเริกามันคือประเทศแห่งอิสรภาพ และ เสรี ดังนั้นพนักงานเหล่านั้นก็ย่อมมีสิทธิที่จะได้เลือกด้วยตนเอง หากมันไม่ผิดกฎหมาย แถมเขายังเชื่ออีกว่าการประกาศจุดยืนอันชัดเจนของเขาในครั้งนี้มันจะทำให้สังคมตระหนักถึง เรื่องของการฉีดวัคซีน ที่ไม่จำเป็นต้องมาบังคับกัน
แต่ทว่าการกระทำนี้ของ ไครี่ เออร์วิ่ง ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเช่นกัน เพราะว่าการกระทำเช่นนี้ของเขา ทำให้เขาไม่สามารถที่จะลงเล่นเกมลีกใน นิวยอร์ก ซึ่งเป็นทีมในสังกัดของเขาได้ เนื่องจากทางนิวยอร์กเองก็ประกาศไว้อย่างชัดเจนเองเช่นกันว่าจะไม่ยอมให้ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนลงแข่ง ซึ่งกฎนี้นี่เองที่มันทำให้ตัวของ ไครี่ เออร์วิ่ง ถูกหักรายได้ไปเกินครึ่งเนื่องจากไม่ได้ลงสนามในเกมของบ้านตัวเอง แต่ถึงจะโดนหักรายได้ไปมากเท่าไหร่ เขาก็ไม่ได้แคร์เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ซึ่งไอ้การกระทำเช่นนี้แน่นนอว่ามันย่อมมีปัญหาอยู่แล้วเพราะว่า ไครี่ เออร์วิ่ง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกำลังหลักระดับแถวหน้าของ
บรู๊คลิน เน็ตส์ มันจึงทำให้การกระทำเช่นนี้สร้างความไม่พอใจให้กับ ฌอน มาร์กส ผู้จัดการทีมเน็ตส์ เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ฌอน มาร์กส ผู้จัดการทีมเน็ตส์ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีของ ไครี่ เออร์วิ่ง ว่าการกระทำนี้มันค่อนข้างที่ไม่มืออาชีพเอาซะเลย เพราะว่านี้มันไม่ใช่ลีกของบาสเก็ตบอลระดับมือสมัครเล่น ที่จะสามารถทำแบบพาร์ทไทม์ นึกจะเล่นก็เล่นได้ แถมทีมเองก็ต้องการที่จะได้ผู้เล่นที่พร้อมจะฝ่าฝันไปด้วยกันจนตลอดรอดฝั่งจนจบฤดูกาลมากกว่า
แต่อีกคำหนึ่งซึ่งถือได้ว่าแสบจิต และค่อนข้างจะเป็นคำพูดที่กระแทกกระทั้นอยู่ไม่ใช่น้อยเลยนั่นก็คือ ในวิกฤตcovid19 ครั้งนี้
มีคนที่สูญเสียชีวิต และ ตกงาน เป็นจำนวนมากตามที่ ไครี่ เออร์วิ่ง เข้าใจ แต่ทว่าสิ่งที่มันจะแสดงออกให้เห็นถึงจุดยืนที่แท้จริงมันก็คือ การออกไปฉีดวัคซีน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ให้เชื้อมันแพร่กระจายไปมากกว่านี้ แทนจะดีกว่ารึเปล่า
แต่เพราะการพูด รวมถึงการไม่ได้ลงเล่นของ ชายผู้มีนานว่า ไครี่ เออร์วิ่ง นี้เองที่มันเริ่มทำให้มีกระแส และ ข่าลืออกมาว่า เจ้าตัวอาจจะตัดสินใจรีไทร์ออกจากวงการไปเลย ซึ่งข่าวนี้มันก็ค่อนข้างสร้างความไม่สบายใจให้กับบรรดาเหล่าแฟน ๆ ของ เน็ตส์ เท่าไหร่นัก แต่โชคก็ยังดีที่สุดท้ายแล้ว ไครี่ เออร์วิ่ง ก็ได้ออกมาประกาศผ่านทาง IG ว่าเขาจะไม่มีการเลิกเล่นแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้น จุดยืนในการไม่ฉีดวัดซีนของเขา ก็ยังเป็นจุดยืนเดิม เพราะหากเขาตัดสินใจยอมฉีดวัคซีนเพื่อลงเล่นในตอนนี้ เท่ากับทุกคนจะต้องตราหน้าว่า เขาเห็นแก่เงินอย่างแน่นอน
และเพราะการไม่ฉีดวัคซีนของเขานี้ทีทำให้สุดท้ายแล้วเรื่องราวมันก็ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในวงการกีฬาอีกต่อไป เพราะมันได้กลายเป็นประเด็นสังคมจนถึงทำให้ต้องมีการจัดการดีเบท กันเลยทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วประเด็นที่ถูกพูดถึงจะแบ่งออกเป็น3หัวข้อย่อย ๆ ด้วยนั่นก็คือ
1.ฌอน มาร์กส ตัดสินใจถูกแล้วเหรอกับเรื่องนี้ เพราะว่าการที่เขาไม่ส่ง ไครี่ เออร์วิ่ง ลงมันจะทำให้ทีมค่อนข้างขาดคุณภาพไปอย่างมาก แม้ว่ามันจะลงในเกมเยือนได้ก็ตามเถอะ แถมการปล่อยให้อยู่ในทีมรับค่าเหนื่ยอไปฟรี ๆ แบบนี้ มันคุ้มค่าแล้วจริง ๆ เหรอ
2.เรื่องความอิสระ กับ ความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งแน่นอนว่าประเทศอเมริกาเป็นประทเศที่มีอิสระทางความคิด และ การกระทำก็จริง แต่ถ้าถ้าคุณไม่ฉีดวัคซีน คุณก็อาจจแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันคือการรับชอบต่อสังคม
3.ความยุติธรรมของการไล่พนักงานออก ซึ่งแม้ว่า ไครี่ เออร์วิ่ง จะแสดงถึงจุดยืนนี้อย่างชัดเจนแล้วก็ตาม แต่บางคนก็ยังบอกว่า การไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท มันก็ถือว่าเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของบริษัทแล้วไม่ใช่เหรอที่พวกเขาเหล่านั้นจะเชิญพนักงานออก
ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายเรื่องราวนี้มันจะจบลงในรูปแบบไหน และ ไครี่ เออร์วิ่ง จะตัดสินใจอย่างไรกับสถานการณ์ที่ทั่วทั้งโลกเองก็จับตามมอง ซึ่งถ้ามีข่าวอัพเดทเกี่ยวกับเขาเมื่อเรา รับรองว่าเว็บไซต์ของเราจะรีบมาอัพเดทให้คุณได้รู้อย่างแน่นอน dunkswin9
เครดิต : เว็บสล็อต