ถ้าเกิดเราพูดเรื่องราวของการเล่นกีฬา หรือ การออกกำลังกายแล้วละก็ สิ่งที่ทุกคนจำเป็นจะต้องไปนั่นก็คือ สนามกีฬา หรือ พื้นที่ที่มีไว้ใช่สำหรับการออกกำลังกาย ซึ่งแน่นอนว่าบางทีหลาย ๆ คนก่อนที่จะไปถึงสนามกีฬนั้น อาจจะต้องมีธุระที่ต้องแวะไปทำต่าง ๆ ก่อน ซึ่งแน่นอนแหละว่าการจะใส่ชุดกีฬาไปทำธุระบางอย่างมันก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร จึงทำให้บางคนนั้นมีความจำเป็นที่ต้องแต่งตัวให้เหมาะสมกับกาละเทศะก่อน และเมื่อถึงสนามกีฬาแล้วมันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะลงสนามทั้ง ๆ ที่เรายังอยู่ในเสื้อผ้าฟิต ๆ รัด ๆ รวมถึงรองเท้าที่ไม่ใช่สำหรับเล่นกีฬา จึงทำให้เหล่านักกีฬาทั้งหลายจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยชุดเพื่อลงสนาม ซึ่งถ้าใครใจกล้าหน่อย เขาก็สามารถที่จะเปลี่ยนมันตรงริมสนามนั้นได้เลย แต่ถ้าเกิดคนที่ไม่กล้าละ พวกเขาก็คงเลือกที่จะไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวในห้องที่ถูกเรียกว่า ห้องล็อคเกอร์
ซึ่งบรรดาเหล่านักกีฬา NBA เองก็เช่นกัน พวกเขาเองก็จำเป็นที่ต้องมีห้องล็อคเกอร์
เพื่อที่สำหรับเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว รวมถึงสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า และ นั่งพักให้หายเหนื่อย รวมถึงห้อง ๆ นี้ยังเป็นอีกหนึ่งห้องสำคัญในการวางกลยุทธ์การแข่งขันอีกด้วย แถมในห้อง ๆ จะเป็นอีกหนึ่งในไม่กี่ห้องที่สื่อมวลชนจะไม่สามารถถ่ายทอดออกไปสู่สายตาของคนดูได้ มันจึงทำให้มีใครหลาย ๆ คนเริ่มอยากรู้แล้วว่าภายในห้องนี้ในช่วงเวลาต่าง ๆ ในการแข่งขันจะมีเรื่องราวอะไรต่าง ๆ เกิดขึ้นบ้าง
และแน่นอนว่าเมื่อสถานที่อย่าง ห้องล็อคเกอร์ แห่งนี้มันเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยคนหมู่มาก ดังนั้นเมื่อมีคนหมู่มากสิ่งที่จะสามารถควบคุมได้ดีที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า กฎ ซึ่งในทุก ๆ ทีมเองต่างก็มีกฏในห้องล็อคเกอร์ที่แตกต่างกันไป
โดยกฎแรกเลยซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งกฎพื้นฐานเลยนั่นก็คือ แต่ละคนจะต้องมีพื้นที่ส่วนตัว
ห้ามไปค้นของในช่องที่ไม่ใช่ของตัวเองโดยเด็ดขาด แม้ว่าคุณจะลืมหยิบเอาของใด ๆ มาก็ตาม คุณก็ไม่มีสิทธิที่ไปค้นของในล็อกเกอร์คนอื่น นอกจากนั้นแล้วภายในนั้นถ้ามีห้องน้ำ คุณจะต้องเก็บพวกแชมพู ครีมอาบน้ำ รวมถึงเส้นผมที่ร่วง ทิ้งถึงขยะซะ
นอกจากนั้นแล้วยังมีอีกหนึ่งกฎหนึ่งในห้องล็อคเกอร์ นั่นก็คือ เรื่องของรองเท้าที่สวมใส่ โดยอย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดีว่า ผู้เล่นใน NBA หลาย ๆ คนเองก็มีรองเท้าซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของตัวเอง มันจึงทำให้มีกฎว่าบรรดาเหล่าผู้เล่นจะต้องไม่ใส่รองเท้าที่เป็นรองเท้าซิกเนเจอร์ของทีมฝั่งตรงข้าม โดยก่อนที่เหล่าผู้เล่นจะเดินออกจากห้องล็อคเกอร์ จะมีคนมาคอยตรวจว่าพวกเขาทำผิดกฏนี้หรือเปล่า
อีกสิ่งหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นกฏต้องห้าม และ ห้ามทำอย่างที่สุดนั่นก็คือ ห้ามถ่ายวิดีโอในห้องนี้โดยเด็ดขาด เพราะว่าห้องล็อคเกอร์ นี้ถือว่าเป็นอีกห้องหนึ่งที่ห้ามนำอุปกรณ์บันทึกเสียง รวมถึง ถ่ายภาพเข้ามาโดยเด็ดขาด ส่วนสาเหตุที่ต้องมีกฏนี้ขึ้นมาก็เนื่องจากเป็นการป้องกันการอัดเสียง รวมถึงคลิป ไปสู่โลกภายนอกนั้นเอง เพราะว่าภายในห้องนี้ส่วนใหญ่แล้วผู้เล่นมักจะคุยเรื่องส่วนตัวกัน
ส่วนอีกกฎหนึ่งในก็คือ ต้องเคารพทุคนในห้องล็อคเกอร์
เพราะว่าในห้องนี้จะไม่ได้มีเพียงแค่บรรดาเหล่าผู้เล่นเท่านั้น แต่ห้องนี้จะเต็มไปด้วยบรรดาเหล่าสตาฟ์โค้ช รวมถึงยังมีพวกนักกายภาพบำบัดของทีม เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ และ ผู้จัดการอุปกรณ์ ซึ่งแม้ว่ามันจะไม่กฎที่ทีมใดทีมหนึ่งระบุมาอย่างชัดเจน แต่มันคือประเพณีที่ควรทำนั่นเอง
แต่แน่นอนว่าเมื่อมันกฎสิ่งที่ตามมานั่นก็คือการแหกกฎนั่นเอง แถมไอ้กฎต่าง ๆ ในห้องล็อคเกอร์เหล่านี้มันก็ยังไม่ได้เป็นกฎที่มีการระบุเป็นลายลักษณ์อักษรซะหด้วย มันจึงทำให้บางทีสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในล็อกเกอร์รูมเหล่านี้ก็ได้หลุดออกไปสูภายนอกจนได้ โดยเรื่องราวจี๊ด ๆ ที่มันมีหลุดมาจาล็อกเกอร์ รูม นั้นก็มีอยู่มากมาย โดยเราจะยกตัวอย่างให้ทุกคนได้อ่านเป็นกรณี ๆ ไป
เรื่องฉาวอันดับแรกที่มาจากห้องล็อคเกอร์ นั่นก็คือ แชคีล โอนีล กับ สก็อตต์ สไกล์ส
ในสมัยที่ยังเป็นเพื่อนร่วมทีมอย่าง ออร์แลนโด แมจิค ด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านั้น ตัวของ สไกล์ส นั้นถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของ แชค ที่เดินข้ามาสู่วงการ NBA ก่อนหน้าถึง 6 ปีด้วยกัน โดยเหตุกหารณ์นี้มันเริ่มต้นมาจากที่ แชค ที่เป็นคนนิสัยพูดมากเป็นทุนเดินอยู่แล้ว เดินบ่นมาตลอดทางตั้งแต่อุโมงค์จนถึงห้องล็อคเกอร์ ซึ่งเพราะไอ้การบ่นเลิกนี้เองที่ทำให้ตัวของ สไกล์ส เข้าไปตักเตือน แชค แต่ทว่าพอตักเตือนไปเรื่อย ๆ เรื่องราวมันเริ่มยิ่มลามไปกันใหญ่จนทำให้สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่อาจที่เก็บอารมณ์ได้อยู่และวางมวยกันในที่สุดจนทำให้เพื่อน ๆ ในนั้นต้องเข้ามาช่วยห้าม
ถ้าหากเมื่อสักครู่คือมวยที่ค่อนข้างจะต่างรุ่น งั้นรอบนี้เรามาดูมวยในระดับรุ่นเดียวกันบ้างดีกว่า โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในเกมของ เน็ตส์ กับ พอร์ทแลนด์ โดยในวันนั้นตัวของ เคนยอน เคมาร์ท มีหน้าที่ต้องประกบกับ บอนซี่ เวลส์ แต่ว่าตัวของ
เคมาร์ท เองก็ดูเหมือนว่าจะทำได้ไม่ค่อยดีนัก มันจึงทำให้อีกหนึ่งดาวรุ่มของทีมในขณะนั้นอย่าง ริชาร์ด เจฟเฟอร์สัน ได้ออกโรงแนะนำแนวทางเพื่อหวังที่จะอีกฝ่ายได้รีแล็กซ์ลงบ้าง แต่ทว่าเมื่อดาวรุ่ง มาแนะนำ ดาวรุ่งด้วยกันเองนี่แหละ ที่ทำให้ศักดิ์ศรี้มันค้ำขอ ว่าแล้วพวกเขาทั้งคู่จึงเข้าไประเบิดอารณ์ใส่กันในห้องล็อคเกอร์ และ ปล่อยพายุหมัดซัดกันนัว ๆ
นอกจากนั้นแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ได้มีเพียงแค่ผู้เล่นกับผู้เล่นเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาระหว่างผู้เล่นกับโค้ชอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในเหตุการณ์ที่เราจะหยิบบยกมาพูดนั่นก็คือ เรื่องราวของ ราชอน รอนโด ผู้เล่นดาวรุ่งที่เคยมีส่วนช่วยในการทำให้ บอสตัน เซลติกส์ คว้าแชมป์ในปี 2008
ซึ่งหลังกจากนั้นเขาก็เก็บะสมประสบการณ์ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนในปี 201 เขาก็ได้กลายเป็นขุมกำลังหลักของทีมไปในที่สุด
แต่ทว่าเขาก็ต้องมาปรอทแตก เนื่องจากเกมในรอบเพลย์ออฟ ที่ต้องเจอกับ ไมอามี่ ฮีต เขาและ ทีมถูกเฮดโค้ช อย่าง
ด็อค ริเวอร์ส วิจารณ์ฟอร์มออกสื่อ ซึ่งเรื่องนี้เองที่ทำให้เกิดอาการลมออกหูอย่างหนัก จนถึงขนาดที่ว่าระหว่างที่เขาฟังการพูดของ ด็อค อยู่นั้น เขาโมโหถึงขั้นที่ขว้างขวดแก้วที่กำลังดื่มอยู่ใส่ทีวี แถมยังออกไปดักรอโค้ชเพื่อที่จะพูดคุย จนทำให้ผลสุดท้ายแล้ว ทั้งคู่ต่างก็ไม่ลงรอยกันอย่างรุนแรง อีกทั้งยังกลายเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ ด็อค ริเวอร์ส ย้ายไปคุมทีม ลอส แอนเจลิส คลิปเปอร์ส แทนและนี่ก็คือเรื่องราวของอารมณ์ และ ความรู้สึก รวมถึงกฎต่าง ๆ ที่มันอบอวลอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า ห้องล็อคเกอร์ dunkswin9