หากพูดถึงเรื่องราวของรองเท้าบาสเกตบอลแล้ว เราเชื่อเลยว่าหลาย ๆ คนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่คนมีรองเท้าที่เป็นเบอร์หนึ่งกันในใจอยู่แล้วกันอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าจะให้มาเถียงกันว่ารองเท้ารุ่นไหนดี หรือ ไม่ดี เราก็เชื่อว่าวันนี้คงไม่สามารถที่จะหาข้อยุติกันได้อย่างแน่นอน
แต่ถ้าเกิดถามว่ารองเท้ารุ่นไหนที่สามารถตำนาน และ การเป็นที่จดจำได้มากที่สุด หัวข้อในการสนทนาในครั้งนี้ก็จะถูกบีบวงให้แคบลงมาอีก แต่เราก็ยังเชื่อว่ามันก็ยังมีรองเท้าอีกมายหลากหลายรุ่นที่ถูกพูดถึงอยู่นั่นแหละ แต่ทว่าหนึ่งในรายชื่อของรองเท้าที่จะต้องถูกพูดออกมาอย่างแน่นอนเลยนั่นก็คือ รองเท้ากีฬารุ่น Superstar จากค่าย 3 ขีดอย่าง adidas แน่นอน
ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยเชื่อว่ารองเท้าบาสเกตบอล Superstar จาก adidas
นี่นะเหรอ เคยเป็นรองเท้ากีฬาที่ใส่ลงสนามบาสมาแล้ว ซึ่งแน่นอว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริง และ คนที่ใส่มันลงในสนามก็เป็นคนระดับ Superstar เช่นกัน ซึ่งชายระดับซุปเปอร์สตาร์ผู้ทำรองเท้ารุ่นนี้ฮิตติดลมบนมากจนถึงปัจจุบันนี้ เขาคนนั้นก็คือชายที่มีชื่อว่า คารีม อับดุล-จาบาร์
โดยก่อนที่จะเริ่มต้นถึงเรื่องราว และ ซุปเปอร์สตาร์คนดัง เราต้องขอย้อนกลับไป
ในช่วงเวลาในตอนนั้นกันก่อน ซึ่งมันต้องขอย้อนกลับเมื่อสมัยที่กีฬาบาสเกตบอลมันยังไม่ได้เป็นกีฬากลยอดฮิตเหมือนที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ แต่ทว่าประเทศที่ฮิตกีฬานี้เอามาก ๆ นั้นดันกลับเป็นประเทศมหาอำนาจ และ เป็นประเทศใหญ่อย่างอเมริกา และแน่นอนว่าเมื่อเป็นประเทศใหญ่มันย่อมเท่ากับว่าหากแบรนด์สินค้าแบรนด์ใดสามารถไปตีตลาดที่อเมริกาด้วย ส่วนแบ่งของรายได้ก็ย่อมที่จะคุ้มค่าแน่นอน ซึ่งหนึ่งในแบรนด์รองเท้าบาสเกตบอลที่กำลังมุ่งหวังจะตีตลาดในอเมริกานั่นก็คือ แบรนด์ 3 ขีดแห่งเยอรมันอย่าง อาดิดาส นั่นเอง
โดยในตอนนั้นตัวของ ฮอร์สท์ ดาสเลอร์ ลูกชายของ อาดิ ดาสเลอร์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ได้ต้องการที่จะผลักดันรองเท้าบาสเกตบอลของตัวเองให้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และในทุก ๆ วงการ ซึ่งหากที่เขาจะคิดตีตลาดอเมริกาให้ได้กีฬายอดฮิตที่เขาเล็งเอาไว้เป็นอันดับแรก ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น กีฬาอย่าง บาสเกตบอล นั่นเอง
ซึ่งในตอนนั้นบอกเลยว่าแม้วงการบาสเกตบอลของอเมริกาจะพัฒนาขึ้นไปมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัว
แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่มันไม่ยอมพัฒนาตามไปเลยนั่นก็คือ รองเท้าบาสเกตบอล นั่นก็เพราะแม้ในตอนนั้นเวลาจะเข้าสู่ยุคปี 1960 ไปก็ตาม แต่รองเท้าที่เหล่านักกีฬาใส่กันนั้นยังเป็นรองเท้าที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตตั้งแต่ต้นคริสตศตวรรษที่ 20
เมื่ออดิดาสเล็งเห็นถึงปัญหาตรงนี้ทาง อาดิดาส ก็ได้เริ่มเดินหน้าสิ่งที่พวกเขาคิดว่ามันจะสามารถแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดมาได้ทันที โดยพวกเขาได้นำรองเท้าสำหรับการเล่นเทนนิสอย่าง Stan Smith มาต่อยอด โดยเริ่มต้นด้วยการสร้างพื้นรองเท้าใหม่ ซึ่งเทคโนโลยีนี้พวกเขาเรียกมันว่า Shell Sole ซึ่งเทคโนโลยีสามารถที่จะทำให้รองเท้าสามารถยึดเกาะกับพื้นสนามได้ดี และ ยังไม่ทิ้งรอยไว้บนพื้น รวมวัสดุที่ใช้ในการผลิตยังมีน้ำหนักเบา นอกจากนั้นในส่วนของที่ห่อหุ้มเท้า พวกเขายังใช้แผ่นหนังซึ่งยึดเกาะกับเท้า จนในที่สุดรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นนี้ก็เสร็จสมบูรณ์และคลอดออกมาในปี 1964
แต่ถึงแม้ว่ารองเท้าบาสเกตบอลนี้มันจะเป็นรองเท้าที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดว้าวขนาดไหนก็ตาม แต่ก็ใช่ว่ามันจะสามารถตีตลาดได้ทันที เนื่องจากในตอนนั้น รองเท้าที่เหล่านักบาสยังนิยมและมีความเชื่อฝังอยู่ในหัวก็คือ Converse All-Stars แถมไอ้เจ้ารองเท้าคู่นี้ยังไม่ได้นิยมเพียงแค่นักบาส แต่มันยังนิยมไปยันเด็กตั้งแต่ชั้นมัธยมเลยอีกด้วย
ซึ่งตอนนี้ทาง อาดิดาส ก็ได้แต่มองหาจุดเปลี่ยนสำคัญของรองเท้าบาสเกตบอลของพวกเขาเท่านั้น
และในที่สุดจุดเปลี่ยนที่ให้รองเท้าของพวกเขาได้เฉิดฉายก็มาถึง เมื่อในตอนนั้น แจ็ค แมคมาน เฮดโค้ชของ ซาน ดิเอโก ร็อคเก็ตส์ หรือ ฮิวส์ตัน ร็อคเก็ตส์ ในปัจจุบัน ต้องพบกับปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเนื่องจากรองเท้าไม่เกาะพื้นถึง 3 พร้อมกัน ทาง adidas จึงรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ด้วยการนำรองเท้าบาสเกตบอลของพวกเขาไปเสนอขายให้ ซึ่งหลังจากการแก้เกมในครั้งนี้นี่แหละที่ทำให้ทีมอื่มเริ่มเห็นความสามารถของเจ้ารองเท้านี่ และ เริ่มทำให้กระแสดีขึ้นเรื่อย
และแน่นอนว่าต่อให้รองเท้ามันดีแค่ไหน แต่สิ่งที่มีอิทิธิพลเป็นอย่างมาต่อการซื้อนั่นก็คือ พรีเซ็นเตอร์ ซึ่งทางค่าย 3 ขีดก็มองหาคนที่มีบารมีพอที่จะคู่ควรกับรองเท้าบาสเกตบอลของเขา ซึ่งในตอนนั้นมันคงไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่า คารีม อับดุล-จาบาร์ ชายผู้มีสกายฮุคเป็นท่าไม้ตายอีกแล้ว
โดยในตอนนั้น คารีม อับดุล-จาบาร์ มีรัศมีจับมาตั้งแต่ยังใช้ชื่อเดิมอย่าง ลูว์ อัลซินดอร์
แล้ว และหลังจากที่เขาได้รับการดราฟเข้ามาเป็นเบอร์ 1 ในปี 1969 โดยมิลวอกี บัคส์ เขาก็เริ่มโชว์ผลงานอันสุดยอดจนได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี ซึ่งแค่นี้มันก็ทำให้ ฮอร์สท์ ดาสเลอร์ ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก และจับ คารีม อับดุล-จาบาร์ มาเซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับรองเท้าบาสเกตบอลของเขาด้วยมูลค่า25,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งในตอนนั้นมันถือว่าเป็นอะไรที่สูงเอามาก ๆ
โดยตัวของ คารีม อับดุล-จาบาร์ นั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักกีฬาที่มีความเชื่อว่า การจะเล่นได้ดีนั้น ส่วนหนึ่งก็จำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์ดี ๆ มาซัพพอร์ตด้วยเช่นกัน และ แน่นอนว่าที่เขาเซ็นสัญญาในครั้งนี้ก็เพราะว่าเขามองเห็นถึงศักยภาพรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นนี้ของ Adidas ที่จะมาช่วยส่งเสริมเขานั่นเอง
และแน่นอนว่าเขาสามารถทำได้ตามที่บอกเอาไว้ เพราะชายคนนี้สามารถคว้าแชมป์ NBA ไปพร้อมรองเท้ารองเท้าบาสเกตบอลคู่ใจได้ถึง 6 สมัย โดยเป็นการคว้าแชมป์กับ มิลวอกี บัคส์ 1 สมัย และ ลอส แอนเจลิส เลเกอร์ 5 สมัย แถมเขาคนนี้ยังได้รับรางวัลผู้เล่น MVP ในฤดูกาลแบบปกติถึง 6 สมัย และ รอบชนะเลิศอีก 2 สมัย เท่านั้นยังไม่พอเพราะเขายังได้ครองสถิติทำคะแนนสูงสุดใน NBA ตลอดกาล ด้วยคะแนนที่มากถึง 38,387 คะแนน ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่สามารถมีใครทำลายได้อีกด้วย
ซึ่งในทุก ๆ โมเมนต์แห่งความสำเร็จที่เราได้กล่าวมานั้นตัวของ คารีม อับดุล-จาบาร์ นั้นใส่รองเท้าบาสเกตบอลอย่าง Superstar ลงสนามทั้งหมด มันเลยไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมรองเท้ารุ่นนี้ถึงได้กลายเป็นรุ่น Best Seller แถมมันยังพีคถึงขนาดที่ว่า มีบรรดาเหล่านักบาสเกตบอลใน NBA ใส่รองเท้ารุ่นนี้ลงสนามมากถึง 75 % เลยทีเดียว
และสิ่งที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนในที่นี้ก็คงจะรู้กันดีนั่นก็คือ เมื่อใดก็ตามที่รองเท้ารุ่นนั้นฮิต สิ่งที่ตามมานั่นก็คือ การทำรองเท้าที่เป็นซิกเนเจอร์ ซึ่งทาง adidas ก็ได้ตอบแทน Superstar คนนี้ด้วยการทำรองเท้าบาสเกตบอลเฉพาะตัวให้กับ คารีม อับดุล-จาบาร์ และการทำรองเท้ารุ่นซิกเนอร์ให้ในครั้งนี้นี่เองที่มันได้ทำให้ตัวของ คารีม อับดุล-จาบาร์ กลายเป็นนักบาสคนแรกใน NBA ที่มีรองเท้าซิกเนเจอร์เป็นของตัวเอง dunkswin9