สำหรับวงการกีฬาเราต้องยอมรับกันเลยว่าในวงการนี้นั้นค่อนข้างที่จะเป็นวงการซึ่งมีเม็ดเงินต่าง ๆ หมุนเวียนเข้ามาอยู่ในระบบมหาศาล เพราะว่าเราปฏิเสธไม่ได้ว่าในทุก ๆ เกมการแข่งกีฬานั้น ต่อให้เป็นทีมที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากมัก มันก็ยังมีจำนวนคนที่ติดตามอยู่มหาศาลเช่นกัน
และเพราะจำนวนคนดูที่มากมายมันก็หมายถึงการมองเห็นจำนวนอันมหาศาลจึงทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไม แบรนด์ดังต่าง ๆ ถึงพยายามที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในวงการกีฬากันอย่างมากมาย และนอกจากการเข้ามาสนับสนุนทีมแบบสโมสรแล้ว สิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้ก็คงจะหนีไม่พ้นการหาพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นขวัญใจของกีฬาแต่ละชนิดมาเป็นตัวชูโรง และในที่สุดเราจะขอมาพูดถึงอีกหนึ่งผู้ชายที่เป็นตัวชูโรงของกีฬาบาสเก็ตบอลกัน
ซึ่งเราเชื่อว่าหากพูดหนึ่งในไอคอนของวงการบาสใครหลาย ๆ คนต่างก็นึกถึงราชาแห่งวงการอย่าง ไมเคิล จอร์แดน
แต่ทว่าหลังจากที่หมดยุคของ จอร์แดนไปแล้ว ชายอีกคนหนึ่งซึ่งทาง Nike ได้ปั้นเขาคนนี้ขึ้นมาเพื่อให้เป็นผู้สืบทอดความเป็นไอคอนของจอร์แดนต่อ นั่นก็คือชายผู้เป็นเจ้าฉายาสุดดุดันอย่าง Black Mamba โคบี้ ไบรอันนั่นเอง
ถ้าหากใครหลาย ๆคนยังไม่รู้ตัวของ โคบี้ นั่นไม่ได้เริ่มต้นกับทาง Nike ตั้งแต่แรก แต่เขาได้เลือกซ็นสัญญากับแบรนด์คู่แข่งตัวฉกาจของไนกี้ อย่าง adidas ในปี 1996 แถมตอนนั้นทาง โคบี้ เองก็ยังไม่ได้เป็นผู้เล่นที่ถูกดราฟเข้ามาในลีกบาสเก็ตบอล NBA เสียเลยด้วยซ้ำ และแน่นอนแววสู้การ NBA เพียงครั้งแรกมันก็สามารถทำให้ชายคนนี้สามารฉายแววความเป็น Superstar ได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะทันทีที่เขาได้เริ่มการพิสูจน์ตัวเองในวงการนี้ก็ก็สามารถพา เลเกอร์คว้าแชมป์ได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน
แต่ถึงเขาจำนำพาความสำเร็จมาให้อย่างมากมายแต่รองเท้าของเขากลับไม่เป็นที่นิยมของผู้ซื้อเลยแม้แต่น้อย โดยตัว Kobe 1 ยังถือได้ว่าเป็นรองเท้ามที่มีดีไซน์สวยงามน่าใส แต่ทว่า Kobe 2 นี่สิที่มันเป็นปัญหา เพราะว่ามันเป็นอะไรที่ดีไซน์ได้ห่วยแตกมาก ๆ ถึงขนาดที่ว่า โคบี้ ยังต้องตัดสินใจย้อนกลับไปใส่รองเท้า Kobe 1 แทนเลยทีเดียว และ adidas Kobe 2 ก็ถูกตีตราให้เป็นรองเท้าซิกเนเจอร์ที่ห่วยแตกที่สุดในประวัติศาสตร์ในทันที
และเพราะความไม่สำเร็จในการที่รองเท้าขายไม่ได้นี้เองที่มันได้ทำให้ โคบี้ ถูกตีตราว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ขายของไม่ได้ จนทำให้ โคบี้ ต้องทำการพิสูจน์ตัวเองใหม่ โดยในปี 2002 เขาตัดสินใจที่จะยอมควักเงิน 8 ล้านดอลลาร์เพื่อทำการฉีกสัญญาของเขากับ adidas ทิ้งซะ และแน่อนว่าแบรนด์ที่เขาจะเซ็นด้วยนั่นก็คือ แบรนด์ที่สร้างชื่อเสียงกับชายระดับตำนานอย่าง ไมเคิล จอร์แดนมาแล้ว ซึ่งแบรนด์นั้นก็คือ Nike นั่นเอง
แต่ทว่าในตอนนั้น โคบี้ กลับไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของ Nike เหมือนกับที่ ไมเคิล จอร์แดนเป็น เนื่องจากในตอนนั้น Nike ยังเซ็นสัญญากับราชาอีกคนของวงการบาสนั่นก็คือ เลอบรอน เจมส์ ผู้เล่นหน้าใหม่ฟอร์มร้อนแรงที่กำลังเป็นที่จับตามองอยู่ในขณะนั้น ซึ่งทาง เลอบรอน เจมส์ ได้เซ็นสัญญาระยะยาวกับ Nike ถึง 7 ปีเต็มเป็นมูลค่าสูงถึง 90 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ โคบี้ เซ็นยาวแค่ 4 ปี โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 40 – 45 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
แถมในตอนนั้นโคบี้ ก็ต้องเจอกับข่าวฉาว ๆ อย่างการถูกจับกุมข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ จนทำให้แฟน ๆ ต่างหันหลังให้กับตัวเขา รวมถึงสปอนเซอร์ในหลายรายต่างก็ทยอยถอดออกจากตัวเขา แต่ยังเหลือเพียงไนกี้ที่เชื่อมันในตัวของเขาอยู่
หลังจากที่มรสุมได้พัดผ่านเขาไป ในที่สุด โคบี้ ก็สามารถที่จะสร้างตำนานให้กับตัวเองได้สำเร็จ โดยในปี 2005 โคบี้ ได้มีรองเท้าซิกเนเจอร์ที่เขาลงมือ และ พัฒนาร่วมกับไนกี้ จนในที่สุดมันก็คลอดออกมาเป็น Zoom Kobe 1 แถมรองเท้าตัวนี้ยังเป็นรองเท้าที่โคบี้ใส่ในวินาทีที่ถูกจารึกลงในประวัติของศาสตร์ของ NBA นั่นก็คือ เกมที่เขาสามารถทำคนเดียวถึง 81 แต้มในการเจอกับ
โตรอนโต แรปเตอร์ส
และผลงานอันมหัศจรรย์ที่ถูกจารึกลงในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ NBA นี้เอง ที่ทำให้รองเท้าคู่นี้โด่งดังเป็นพลุแตก และมันก็ดันให้รองเท้าคู่นี้ได้รับความนิยมเป็นอย่าสูงในบรรดาเหล่าแฟน ๆ บาสเก็ตบอล จนทำให้สุดท้ายแล้วรองเท้านี้ถูกถูกต่อยอดมาเรื่อย ๆ
แต่แล้วจุดเปลี่ยครั้งสำคัญก็มาถึงพร้อม ๆ กับข่าวร้ายของการเสียชีวิตจากเหตุ ฮ. ตกของโคบี้ แน่นอนว่าการเป็ยบุคคลระดับตำนานของวงการมันย่อมทำให้บรรดาเหล่าแฟนต่างที่จะเก็บสินค้าต่างเกี่ยวกับตัวเขาไว้เป็นของที่ระลึกจำนวนมาก ทุกอย่างที่เป็นสินค้าลิขสิทธิ์แท้เกี่ยวกับ โคบี้ ถูกขายหมดอย่างรวดเร็วไม่เว้นแม้แต่รองเท้าของเขา
แต่เพราะว่ารองเท้า Zoom Kobe นั้นเป็นรองเท้าที่ถูกดีไซน์เพื่อใช้สำหรับเกมในสนามมากว่าที่จะใช้สำหรับการใส่เพื่อแฟชั่น
Nike เองก็ต้องรีบฉกฉวยโอกาสสำคัญทางการตลาดนี้ไว้ จึงทำให้ทาง Nike ตั้งใจที่ผลิตสินค้าของ โคบี้ ให้น้อยลงเพื่อให้ของ
โคบี้ กลายเป็นสินค้าลิมิเต็ด ซึ่งการเดินเกมทางการตลาดในครั้งนี้มันสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้กับบรรดาเหล่าแฟนพันธุ์แท้ รวมถึง วาเนสซ่า ภรรยาของโคบี้ อีกด้วย
แถมทาง วาเนสซ่า เองก็ยังไม่พอใจที่ทาง Nike ปฏิเสธอที่จะทำการเสนอสัญญาตลอดชีวิตให้กับ โคบี้ เหมือนกับที่เคยทำกับ 2 ผู้เล่นในวงการบาสอย่าง ไมเคิล จอร์แดน และเลอบรอน เจมส์ จนทำให้ที่สุดเรื่องราวสุดช็อคก็ได้เกิดขึ้นเมื่อทาง วาเนสซ่า ตัดสินออกมาประกาศยุติสัญญาระหว่าง โคบี้ กับ Nike ลงในวันที่ 13 เมษายน ปี 2021
และนี่ก็คือบทสรุปของเรื่องราวอันแสนยาวนานของชายผู้สร้างตำนานแห่งวงการบาสเก็ตบอลอย่าง โคบี้ ไบรอัน และ สปอนเซอร์ที่ยอมอยู่เคียงข้างเขามาอย่างยาวนานอย่าง Nike นั่นเอง dunkswin9
เครดิต : สล็อตเว็บตรง