หากคุณติดตามกีฬาบาสเกตบอลมาสักพักหนึ่ง หรือ ใครที่ติดตามวงการนี้มาอย่างยาวนานอยู่แล้วก็น่าจะต้องรู้ว่า กีฬาอย่างบาสเกตบอลนั้น จะแตกต่างกีฬาฟุตบอลในลีกยุโรปต่าง ๆ ที่เราเห็นกันจนชินตาอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือ การหาผู้เล่นหน้าใหม่เข้าทีมนั่นเอง ซึ่งกีฬาฟุตบอลที่เรามักจะเห็นกันจนชินตานั่นก็คือ การที่ทีมใดทีมหนึ่งยอมทุ่มเงินจำนวนมหาศาลตามที่อีกทีมเรียกร้อง ซึ่งคว้าเหล่าผู้ตัวเล่นพวกเขาต้องการมาให้ได้ แต่สำหรับกีฬาอย่างบาสเกตบอลกลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะว่า กีฬาบาสเกตบอลจะมีกฏที่เรียกว่ากราดราฟต์เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยการดราฟนี้จะให้ทีมที่มีอันดับต่ำที่สุดของมาจับฉลากเพื่อที่จะแย่งกับว่าใครจะมีโอกาสได้เลือกเฟ้นหน้าผู้เล่นหน้าใหม่เข้าทีมก่อนเป็นอันดับแรก แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่า บางทีการดราฟต์อันดับที่ 1 มันก็ไม่ได้ให้ผลเสมอไป ซึ่งคนที่สามารถตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นชายคนนี้ ชายที่มีชื่อว่า เกร็ก โอเดน
ชีวิตในวัยเด็ดกของ เกร็ก โอเดน นั้น เขาได้ย้ายตามครอบครัวของเขามา อินเดียน่า
ตั้งแต่ที่เขาอายุ 9 ปี โดยในตอนนั้นเขามีกีฬาที่ชื่นชอบอยู่ในหัวใจอยู่แล้วนั่นก็คือกีฬาอย่างบาสเกตบอลนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความมุ่งมั่น และ ชื่นชอบกีฬานี้ทำให้เขาเจิดจรัสยิ่งกว่าใคร ๆ เพราะเพียงแค่ในสมัยโรงเรียเขาคนนี้ก็มีส่วนสูงปาเข้าไปถึง 213 เซนติเมตรเลยทีเดียว
และไม่ใช่เพียงแค่ส่วนสูงที่ เกร็ก โอเดน ตอนนั้นเขาเหนือกว่าใคร ๆ แต่ฝีมือของเขาคนนั้นนี้ในตอนนั้นก็ถือได้ว่า โดดเด่นไม่แพ้ใครเพราะเขาสามารถที่จะคว้ารางวัลส่วนมานอนกอดได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยบรรดารางวัลเหล่านั้นก็สามารถกันรันตีความยอดเยี่ยส่วนตัวได้อย่างดีไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมจากทุกรายการที่เขาลงแข่งขัน ซึ่งแน่นอนว่าการทำได้แบบนี้ย่อมทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา
และเมื่อทุกสายตาได้โฟกัสมาที่เขาคนนี้ แน่นอนว่าเวทีที่บรรดาเหล่านักบาสทุกคนต่างใฝ่ฝันอย่าง NBA เองก็พร้อมแล้วที่จะอ้าแขนเพื่อเปิดรับเขาคนนี้ และในที่สุดเวลานั้นก็มาถึง เพราะว่าทันที่การดราฟต์ปี 2007เริ่มต้นขึ้น ชื่อของ เกร็ก โอเดน
คนนี้ก็กลายเป็นรายชื่อแรกที่ถูกประกาศออกมาทันที โดยผู้ที่คว้าสิทธิในการดราฟต์ครั้งนั้นไปก็คือ ทีมอย่าง พอร์ตแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส ส่วนรายชื่อดราฟต์คนที่ 2 ที่ต่อมาจากเขานั้นก็คือ อีกหนึ่งดาวรุ่งที่ถูกจับตามองไม่แพ้เขาเลยอย่าง เควิน
ดูแรนท์ ซึ่งสุดท้ายแล้วในปีนั้น ดูแรนท์ ก็ถูกดราฟต์ไปเป็นอันดับที่ 2 โดยทีม ซีแอตเทิล ซูเปอร์โซนิคส์
และในที่สุดเวลาแห่งการสานฝันของเขา เกร็ก โอเดน ก็มาถึง เขาได้เวลาเปิดฉากรูดม่านลงสู่สนามที่เขาใฝ่ฝันเอาไว้ตั้งแต่ยังเด็กเสียที โดยตอนนั้นตัวของ โอเดน นั้นเลือกที่จะสวมเสื้อเบอร์ 52 และเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับ เทรลเบลเซอร์ ไว้ถึง 3 ปี แต่ทว่ายังไม่ทันที่เหล่าแฟน ๆ จะซึมซับกับผู้เล่นดราฟต์เบอร์ 1 พวกเขาก็ต้องพบกับข่าวช็อคนั่นก็คือ โอเดน นั้นมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าข้างขวา
แถมไอ้อาการเจ็บนี้มันก็ไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่แป๊บ ๆ หาย แต่ทว่าแพทย์ที่วินิจฉัยอาการบาดเจ็บของ เกร็ก โอเดนได้บอกมาว่า เขาคนนี้จะไม่สามารถที่จะลงสนามได้สักระยะนหนึ่งเลย นั่นทำให้แสงที่กำลังเฉิดฉายของดาวรุ่งคนนี้ต้องดับวูบลงทันที
แต่มันเจ็บไม่แพ้เกร็ก โอเดนเลยนั่นก็คือ ทีมที่เลือกเขาเข้ามาอย่าง เทรลเบลเซอร์ เพราะพวกเขาคาดหวังที่จะสร้างทีมโดยมี โอเดน คนนี้เป็นศูนย์กลาง โดยในตอนนั้น เทรลเบลเซอร์ ได้เริ่มการดำเนินการแผนนี้มาสักระยะแล้ว โดยพวกเขาได้คว้าตัว แบรนดอน รอย ชู้ตติ้งการ์ด ดาวรุ่งที่สุดท้ายแล้วสิ้นฤดูกาลเขาก็สามารถคว่าตำแหน่งรุกกี้ในปี 2007 มาได้ แถมปีก่อนหน้านี้พวกเขายังคว้า ลามาร์คัส อัลดริดจ์ มาได้แล้วอีกด้วย
แต่สุดท้ายเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว เทรลเบลเซอร์ ก็ต้องก้มหน้ายอมรับความจริง จนกระทั้งหลังจากใช้เวลารักษาอาการบาดเจ็บของหาย ในปี 2008 เกร็ก โอเดน ก็พร้อมที่จะหวนคืนสู่สนามอีกครั้งแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อเขาหายเจ็บและพร้อมลงสนามอีกครั้ง ข่าวการลงสนามของเขาคนนี้ก็กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง เพราะทุก ๆ คนต่างก็พร้อมมากแล้วที่จะได้เห็นไอ้เจ้าหนูคนนี้โชว์ฝีมือสักที และในที่สุดเกร็ก โอเดนก็ได้มีโอกาสเปิดตัวเกมแรกในวันที่
12 พฤศจิกายน 2008 ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากับทีมสุดแกร่งอย่าง แอลเอ เลเกอร์ส แต่ทว่าเกมแรกเขากลับไม่ได้โชว์ฟอร์มโหดเหมือนดั่งที่หลาย ๆ คนคิดเอาไว้
แต่ปัญหาของเกร็ก โอเดนยังไม่หมดแต่เพียงเท่านั้น เพราะว่าดูเหมือนว่าเขาคนนี้ก็ยังมีอาการบาดเจ็บตามมารบกวนอยู่บนค่อยจนทำให้ในปี 2009 เขาได้บาดเจ็บเพิ่มที่บริเวณเท้า และเข่าซ้าย จนทำให้เขาต้องพักยาวไปอีกรอบ แถมในปี 2010 เขาก็มาเจ็บหนักอีกครั้ง แต่เคราะห์ของเขายังไม่พอ เพราะในปี 2011 ตัวของเขาก็มาเจ็บอีกรอบ ทำให้ตั้งแต่เขาเข้ามาอยู่ NBA เขาคนนี้ต้องผ่าตัดใหญ่ไปถึง 4 รอบด้วยกัน
จนทำให้สุดท้ายแล้วหลังจากที่เขาหมดสัญญาเขาก็ได้ย้ายไปอยู่กับ ไมอามี่ ฮีต
ด้วยสัญญาระยะเวลา 1 ปี ซึ่งแม้ว่าการย้านไปในครั้งนี้ทีมขอเขาจะไต่ไปถึงนัดชิงชนะเลิศ แต่ตัวของเกร็ก โอเดนก็ไม่ได้มีส่วนอะไรกับทีมมากนัก แถมในปีนั้น ฮีต ยังถูกสเปอร์ส คว่ำลงในรอบชิงอีกด้วย
แต่ถามว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่แย่สุดของเขหรือยัง เราก็ขอบอกเลยว่าไม่ เพราะว่าในตอนนั้นเขาเองก็มีข่าวไม่ค่อยดี เนื่องจากเกร็ก โอเดนได้มีคดีทำร้ายร่างกายแฟนสาว จนถึงขั้นขึ้นโรง ขึ้นศาลกันเลยทีเดียว
และเมื่อร่างกายที่ไม่พร้อม รวมถึงฟอร์มการเล่นที่ยังไม่สามารถทำออกมาได้เต็มที่ทำให้สุดท้ายแล้วเกร็ก โอเดนก็จำเป็นที่จะต้องจากลาดินแดนแห่งบาสที่เป็นสถานที่ซึ่งเขาใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กไป ก่อนที่จะลงเอยด้วยการเล่นในลีกบาสเกตบอลประเทศจีน โดยในตอนนั้นเขาได้เซ็นสัญญา 1 ปี กับทีมอย่าง เจียงซู ดราก้อน โดยค่าเหนื่อย 1.2 ล้านเหรียญ
แต่ถึงจะย้ายไปสู่ลีกจีนสถิติอของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนักจนทำให้สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจเลิกเล่นไปในที่สุด และ หันเหเข้าสู่เส้นทางของการเป็นโค้ชแทน สนใจ >>> จำนำรถ