สังคมมนุษย์ของเรานั้นถือได้ว่าเป็นอีกสังคมหนึ่งที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดนิ่ง ซึ่งแน่นอนว่าในทุก ๆ การพัฒนานั้นย่อมเกิดขึ้นกับทุกที่ โดยในวงการกีฬาเองก็นับเป็นนหนึ่งในนั้น และในทุกการพัฒนานั้นมันก็จะมีมีบางส่ววนทับซ้อนกันมาขึ้นเรื่อย ๆ และด้วยอิทธิพลต่าง ๆ ที่เกิดการทับซ้อนกันนี้เองที่ทำให้ เงิน กลายเป็นปัจจัยในหลาย ๆ ด้าน จนทำให้บางทีผู้เล่นบางคนก็จำเป็นที่จะต้องเลือกเงินมากกว่าสิ่งที่เขารัก โดยกรณีที่เราจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการย้ายทีมนั่นเองทำให้พวกเขาอดได้ชื่ออันทรงเกียรติอย่าง แฟรนไชส์ เพลเยอร์ ไป
ซึ่งเพราะไอ้การย้ายทีมที่มีปัจจัยหลาย ๆ อย่างมาเกี่ยวข้องนี้เองที่ทำให้ในปัจจุบันเราแทบจะหาผู้เล่นที่อยู่กับทีมไปแบบยาว ๆ แทบจะยากมาก แต่ก็ใช่ว่ามันจะมีกรณีเหล่านี้เกิดขึ้นเลย เพราะว่ามันยังมีผู้เล่นอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ยอมเปลี่ยนทีม และยังคงจงรักภักดีกับทีม ๆ เดินจนเลิกเล่น แม้ว่าทีมนั้นจะไม่เคยนำพามาซึ่งความสำเร็จให้กับตัวเขาเลยกันตาม แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น พวกเขาเหล่านี้ก็มักที่จะได้รับการยกย่องจากบรรดาเหล่าแฟน ๆ เสมอ โดยในวงการกีฬาอเมริกา จะมีชื่อให้กับพวกเขาเหล่านี้ว่า แฟรนไชส์ เพลเยอร์
ดังนั้นวันนี้เราจึงจะขอพาทุก ๆ คนมาชมกันว่า บรรดาเหล่า แฟรนไชส์ เพลเยอร์ ที่จงรักภักดีกับทีมมาอย่างยาวนานนั้นมีใครกันบ้าง
สำหรับคำว่า แฟรนไชส์ เพลเยอร์ เป็นคำที่เริ่มมีมาตั้งแต่ยุค 60 – 70 โดยชายคนรกที่ได้รับคำว่า แฟรนไชส์ เพลเยอร์ มานั่นก็คือ บิล รัสเซลล์ เซ็นเตอร์ระดับขึ้นหึ้งของทีมอย่าง บอสตัน เซลติกส์ ที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ไปได้ถึง 11 สมัยกับการเล่นกับ เซลติก ทีมเดียวถึง 13 ปี ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบอาชีพ แถมในช่วงบั้นปลายของการเล่น เขายังควบทั้งตำแหน่งโค้ช และ ผู้เล่น ไปในเวลาเดียวกัน แถมยังคว้าแชมป์ได้อีกต่างหาก มันจึงทำให้เขาคนนี้เป็นเหมือกับสัญลักษณ์ของ เซลติก ไปเลยทีเดียว
นอกจากนั้นผู้เล่นอีกคนหนึ่งของ เซลติก ที่ถูกยกย่องให้กลายเป็น แฟรนไชส์ เพลเยอร์
นั่นก็คือผู้เล่นอย่าง แลร์รี่ เบิร์ด โดยเขาคนนี้ได้เคยออกปากเลยว่า ไม่เคยคิดต้องการจะย้ายทีม จนทำให้ตอนนั้นกลายเป็นเทรนด์ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะอยู่กับทีม ๆ เดียวไปจนจบอาชีพของตัวเอง
แต่ถึงแบบนั้น นิยามที่แท้จริงของคำว่า แฟรนไชส์ เพลเยอร์ ก็ยังไม่ถูกจำกัดชัดเจน จนกระทั่งสื่อต่าง ๆ ได้เริ่มนิยามคำนี้ขึ้น โดยพวกเขาจะใช้คำนี้กับบรรดาเหล่าผู้เล่นที่อยู่กับทีม ๆ เดียวนานเกิน 10 ปี แต่ทว่าหากผู้เล่นคนนั้นอยู่กับทีมเดิมนานเกิน 15 ปีขึ้นไป จะมีคำเรียกอีกคำหนึ่งนั่นก็คือ ลอยัลตี เพลเยอร์
แต่ก็อย่างที่บอกว่าไปในปัจจุบันมันช่างน้อยเหลือเกินที่เราจะได้เห็นบรรดาเหล่า แฟรนไชส์ เพลเยอร์ แต่ทว่ามันก็ไม่ใช่ว่าไม่มีโดนทีมที่อุดมไปด้วยเหล่าบรรดา แฟรนไชส์ เพลเยอร์ นั่นก็คือทีมอย่าง ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส
โดยหากจะรับตั้งแต่ยุค 90 มานั้น สเปอร์ มีผู้เล่นที่สามารถใช้คำว่า แฟรนไชส์ เพลเยอร์ ได้อย่างเต็มภาคภูมิถึง 4 คนด้วยกัน โดยคนแรกนั่นก็คือ ยอดเซ็นเตอร์ที่ใครหลาย ๆ คนรู้จักกันดีอย่าง เดวิด โรบินสัน โดยเขาคนนี้อยู่กับทีมมาอย่างยาวนานถึง 14 ปีเต็ม และได้พาทีมเข้าชิงแชมป์สายตะวันตกในปี 1995 และมีแม้ว่าสเปอร์จะมีฟอร์มการเล่นที่ห่วยแตกแบบสุด ๆ ในฤดูกาล 1996-1997 เขาคงนี้ก็ยังคงอยู่คู่กับสเปอร์ไม่จากไปไหน จนในที่สุด สเปอร์ ก็กลายเป็นอีกหนึ่งทีมที่ผงาดกลับมาคว้าแชมป์และกลายเป็นยอดทีมได้จนถึงปัจจุบัน โดยเหตุผลที่ทำให้เขาอยู่กับสเปอร์นั่นก็คือ ครอบครัวของเขาชอบที่แห่งนี้
นอกจากนั้นแล้วสเปอร์ยังมีแฟรนไชส์ เพลเยอร์ อีก 3 คนนั่นก็คือ 3 ประสานสุดฮอตอย่าง
ทิม ดันแคน,มานู จิโนบิลี่ และ โทนี่ พาร์คเกอร์ ซึ่งทั้ง 3 คนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของสเปอร์ เพราะว่าพวกเขาสามารถช่วยสเปอร์คว้าแชมป์ไปได้ถึง 4 สมัย ซึ่งตัวของ ดันแคน นั้นอยู่กับสเปอร์มาอย่างยาวถึง 19 ฤดูกาลเลยทีเดียว
ส่วนผู้เลน่คนสุดท้ายของสเปอร์ที่ถูกเรียกด้วยคำว่าแฟรนไชส์ เพลเยอร์ นั่นก็คือ โทนี่ พาร์คเกอร์ ซึ่งเขาคนนี้อยู่กับสเปอร์มาอย่างยาวนานถึง 17 ปีเต็ม แต่ในช่วงบั้นปลายของอาชีพเขาก็ได้เลือกย้ายไปอยู่กับ ชาร์ลอตต์ ฮอร์เน็ตส์ ก่อนจะปิดฉากรีไทร์
อีกหนึ่งคนที่สมควรค่าแก่การพูดคำว่าแฟรนไชส์ เพลเยอร์นั่นก็คือ โคบี้ ไบรอันท์ แม้ว่าในตอแรกฟอร์มของเจ้าเด็กคนนี้ที่เพิ่งเข้ามาจะไม่ได้ร้อนแรงจนกลายเป็นที่จับตามองถึงขนาดนี้ก็ตามที แต่ด้วยความที่ โคบี้ เป็นเด็กที่เรียนรู้เร็วทำให้ สุดท้ายเขาก็สามารถทำงานกับคู่หู คู่กัดของเขาอย่าง แชค จนทำให้ เลเกอร์ส สามารถคว้าแชมป์ไปได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน
แต่ทว่าปัญหาเรื่องของความไม่ลงรอยของเขากับ แชค ก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วจนทำให้ในปี 2003 ตัวของ โคบี้ เองก็ตั้งใจที่จะย้ายไปร่วมทีมกับ ฮีโร่ของเขาอย่าง ไมเคิล จอร์แดน ที่ตอนนั้นกำลังเล่นให้ วอชิงตัน วิซาร์ดส์ อยู่ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นทาง
เลเกอร์ส ที่ตัดสินใจจะรั้ง โคบี้ เอาไว้ และตัดสินใจเทรด แชค ไปให้กับ ไมอามี่ ฮีต
มันจึงทำให้ตัวของ โคบี้ ได้ตัดสินใจอยู่กับทางเลเกอร์สต่อ จนทำให้เขาอยู่กับ เลเกอร์สมาอย่างยาวนานถึง 20 ปี และคว้าแชมป์ไปกับทีมนี้ถึง 5 รายการ รวมถึงได้ชื่ออย่าง แฟรนไชส์ เพลเยอร์ พ่วงต่อไปอีกด้วย
และแฟรนไชส์ เพลเยอร์คนสุดท้ายที่เราจะแนะนำกันนั่นก็คือ ชายที่มีชื่อว่า เดิร์ก โนวิตซ์กี้ เขาคนนี้ถูก ดัลลัส แมฟเวอริกส์ ดราฟเข้ามาในปี 1998 เป็นอันดับที่ 9 แม้ว่าเขาจะมีปัญหาหลาย ๆ อย่าง แต่เขาก็พยายามที่จะปรับตัวจนทำให้ในที่สุดความพยายามของเขาก็ประสบผลสำเร็จ และคว้าแชมป์ครั้งแรกกับสโมสรได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในปี 2011 ซึ่งการคว้าแชมป์ในครั้งนั้นมันได้ก่อเกิดแรงศรัทธาทั้งผู้เล่นในทีม และ แฟน ๆ เป็นอย่างมาก
และเพราะฝีมืออันยอดเยี่ยมของเขานี้เองที่มันทำให้หลาย ๆ ทีมต่างก็รุมจีบ จนถึงขนาดที่ โคบี้ ไบรอันท์ ยังชวนเขาคนนี้มาเล่นที่ เลเกอร์ส ด้วยกันเลย แต่ทว่ามันก็ไม่อาจจะทำลายความมุ่งมั่นคของเขาได้ ทำให้สุดท้ายแล้วเขาคนนี้ก็เล่นให้กับทีมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงฤดูกาล 2019 ก่อนที่จะตัดสินใจประกาศรีไทร์ จึงทำให้เขาคนนี้เป็นผู้เล่นอยู่ทีมเดียวมาอย่างยาวนานที่สุดถึง 21 แถมยังเป็นแฟรนไชส์ เพลเยอร์ชาวต่างชาติอีกด้วย