ช่วงปิดฤดูกาล NBA เขาทำอะไรกันบ้าง?

สำหรับคอกีฬาหลาย ๆ คนน่าจะทราบกันดีกว่า การแข่งขันกีฬานั้นจะเป็นการแข่งขันแบบฤดูกาล โดยบรรดาเหล่าทีมต่าง ๆ นั้นมื่อถึงช่วงเปิดฤดูกาลพวกเขาก็จะทำการระเบิดเพื่อฟาดฟันหาตำแหน่งแชมป์กันอย่างบ้าคลั่ง โดยช่วงระหว่างฤดูกาลของแต่ละทีมนั้นค่อนข้างที่จะเป็นอะไรซึ่งจริงจังกันแบบสุด ๆ แต่ทว่าหลังปิดฤดูกาลการแข่งขันจบลง บรรดาเหล่าทีที่ทำศึกนักกันมานานก็จะเข้าสู่ช่วงบรรยากาศสงบสุขแต่มันอาจจะสงบแค่ในสนาม เพราะว่าในตลาดอื่น ๆ พวกเขาก็จะต้องมาฝาดฟันกันต่อไป ซึ่งแน่นอนแหละว่าแต่ละประเภทกีฬาในช่วงปิดฤดูกาลนั้นก็จะมีกิจกรรมที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับคนที่เพิ่งมาเริ่มสนใจกีฬาบาสเกตบอลอย่างว NBA คงไม่รู้ว่าแท้จริง ๆ ช่วงเวลาปิดฤดูกาลของ NBA นั้นมันมีอะไรเยอะแยะมากกว่าการซื้อขายตัว ดังนั้นเพื่อที่จะให้บรรดาเหล่าคนที่เพิ่งหัดมาดู NBA ได้ทราบกันว่าในฤดูปิดฤดูกาลของ NBA นั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เดี๋ยววันนี้เราจะพาทุกคนไปรับทราบถึงช่วงเวลานั้นกัน ซึ่งถ้าทุกคนพร้อมแล้ว เราไปเริ่มต้นกันเลย โดยคำว่าปิดฤดูกาลของ NBA ภาษาอังกฤษนั้นจะถูกเรียกว่า Offseason ซึ่งในช่วงที่ลีกไม่มีการทำการแข่งขัน มันก็มีความเข้มข้นไม่แพ้กับการลงสนามของบรรดาเหล่าทีมต่าง ๆ เลย เนื่องจากในช่วงปิดฤดูกาลนี้ แต่ทละทีมจะมาทำการกำหนดนโยบายการบริหารของทีมให้เป็นไปตามแนวทางมาที่สุด ยกตัวอย่างเช่นการพูดคุยถึงเรื่องการสร้างทีมใหม่ หรือ การรักษาผู้เล่นตัวหลักเอาไว้ รวมถึงยังมีการพูดคุยถึงประเด็นการวางระบบทีม รวมถึงการวางรูปแบบการฝึกซ้อมต่าง ๆ ด้วย หากถามว่าทำไมต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบต่าง ๆ ในช่วงปิดฤดูกาล นั่นก็เพราะว่าในการแข่งขันในฤดูกาลปกตินั้น จะมีการแข่งขันที่ค่อนข้างถี่ มันเลยทำให้การจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นหลักระหว่างฤดูกลาลนั้นมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก ซึ่งโดยปกติแล้วแต่ละทีมมักจวางแผนล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลปกติหลังจากที่พวกเขาทราบว่าทีมตัวเองจะได้เข้ารอบเพลย์ออฟหรือไม่ ซึ่งช่วงสำคัญในก่อนปิดฤดูกาลนนี้เองนี่แหละที่มันเป็นการวัดกึ๋นของทีมบริหารได้อย่างดีเลยทีเดียว […]
เจ-แม็ค นี่มันไม่ใช่หนัง เมื่อเด็กเสิร์ฟ ได้กลายเป็นฮีโร่แห่งทีมในชั่วข้ามคืน

มนุษย์ทุกคนใช่ว่าจะเกิดมาเพียบพร้อมเหมือกันทุก ๆ คน เพราะเพียงแค่ฐานะของทางบ้านแล้ว มันก็แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในการใช้ชีวิตกัน แต่ถ้าเกิดมาพร้อมกับความแตกต่างด้านฐานะก็ยังไม่เท่าไหร่เพราะของแบบนี้มันสามารถที่จะใช้ความพยายามในการสร้างมันขึ้นมาได้ แต่ทว่าหากเกิดมาในฐานะของความแตกต่างกันทางร่างกายนั้น มันค่อนข้างที่จะกลายเป็นเรื่องอันแสนยากลำบากพอสมควรในการใช้ชีวิต แต่ทว่ามันก็ไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว เพราะว่ายังมีหลาย ๆ คนที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคทางร่างกายจนพวกเขาสามารถก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จได้ในปัจจุบัน และ หนึ่งในเรื่องราวสุดปาฏิหารย์นั้นมันก็ได้เกิดกับเด็กชายคนหนึ่งที่หลงรักกีฬาบาสอย่างสุดหัวใจ โดนเด็กชายคนนั้นเขามีชื่อว่า เจสัน แม็คเอลเวน ซึ่งก่อนหน้าที่ทุกคนจะมาเริ่มอ่านบทความนี้กัน คุณสามารถที่จะไปอ่านบทความย้อนหลังของเด็กชายที่ชื่อว่า เจสัน แม็ค เอลเวน ได้ว่าเขาคนนี้นั้นหลงรักกีฬาบาสเกตบอลขนาดไหน และ อะไรคืออุปสรรคที่เขาต้องเผชิญมาบ้าง ส่วนใครที่กำลังรอเรื่องราวของเขาเพิ่มเติม หรือ ย้อนอ่านกันไปเป็นที่เรียบร้อยน ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วละที่เราจะพาทุก ๆ คนไปชมกับช่วงเวลาแห่งปาฏิหารย์ของชายที่ชื่อว่า เจสัน แม็คเอลเวน หลังจากที่ตัวของ เจสัน แม็คเอลเวน ฝึกร่างกายของตัวเองอยู่ตลอดแม้ว่าเขาจะทำได้เพียงอยู่ข้างสนามก็ตาม จนกระทั่งวันหนึ่งเส้นทางที่ราวกับความฝันของเขาก็ถูกเปิดออก โดยปกติแล้วทีมกีฬาของโรงเรียนมักจะมีโค้ชที่ถูกจ้างมาทำหน้าที่ในการฝึกบรรดาเหล่านักกีฬา โดยโชคนนั้นก็คือ โค้ชอย่าง จิม จอห์นสัน ซึ่งโปรไฟล์ของเขานั้นค่อนข้างที่จะดูดีในกีฬาบาสเกตบอล แต่ทว่าตัวของเขาเองก็ยังไม่เคยที่จะพาทีมอย่าง กรีซ อาเธอร์นา คว้าแชมป์ได้เลย โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมาตัวของ เจสัน แม็คเอลเวน พยายามที่จะทำการเข้าเข้าเลือกเพื่อเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมนี้มาโดยตลอด ซึ่งการไม่ย้อท้อของ […]
ดู NBA อย่างไรให้สนุกกับความรู้ในการเสริมทีม และ ซื้อขายตัวผู้เล่น

คำว่าเก่งค้ำฟ้านั้นไม่สามารถที่จะกลายเป็นจริงได้เสมอไป ซึ่งหลาย ๆ คนที่ชื่นชออบการดูกีฬาก็น่าจะพอเข้าใจว่า ไม่มีทีมไหนหรอกที่จะสามารถแข็งกร่งได้เสมอไป เพราะมันมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างเป็นส่วนประกอบ แต่ถึงจะไม่มีทีมไหนที่จะสามารถแข็งแกร่งได้ตลอดเวลา แต่อย่างน้อยมันก็มีวิธีที่ทำให้ทีมพวกเขายังรักษามาตรฐานในการลุ้นแชมป์ได้อยู่ตลอด โดยวิธีนั้นก็คือ การซื้อตัวผู้เล่นต่าง ๆ เข้ามาเสริมทีมนั่นเอง ซึ่งการซื้อตัวผู้เล่นเข้ามาในแต่ละครั้งก็ถือว่าเป็นไฮไลท์ของโลกกีฬาที่เหล่าบรรดาแฟน ๆ ต่างก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่าในอเมริกันเกมนั้นวิธีการเสริมทีมนั้นจะค่อนข้างที่จะแปลกจากกีฬาในยุโรปที่เราเคยเห็นกันสักหน่อย มันเลยทำให้หลาย ๆ คนที่ไม่เคยได้รับชมกีฬาอย่างบาสเกตบอล NBA นั้นจะค่อนข้างงงสักหน่อยกับระบบเสริมทีมของทีมบาสแต่ละทีม ดังนั้นเพื่อให้ผู้ที่อยากหันมาชมกีฬาบาสเข้าใจ วันนี้เราจะมาอธิบายถึงกฎกติการในการเสริมทีมของลีกบาสเกตบอลอันดับหนึ่งอย่าง NBA กัน ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงพื้นฐานที่ทำให้กีฬาอย่าง American Games มีพื้นฐานในการเสริมทีมที่ไม่เหมือกับกีฬาอื่น ๆ กันก่อน โดยกีฬาของ American Games นั้นจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าระบบซื้อขาย แต่จะใช้ระบบทีเรียกว่า เพนดานค่า เหนื่อยในการกำหนดมูลค่าโดยรวมของทีมแทน ซึ่งผลรวมของค่าเหนื่อยแต่ละทีมนั้น จะนับจากค่าเหนื่อยของผู้เล่นทุกคนในทีมรวมกันในปีนั้น โดยทุก ๆ ทีมจะมีเพดานค่าเหนื่อในการสร้างทีมเท่ากัน ส่วนเพดานค่าเหนื่อนทั้งหมดจะมีปริมาณเท่าไหร่ ก็จะขึ้นอบยู่กับรายได้รวมของทางลีกที่มาจาก ค่าลิขสิทธิ์ , ค่าสปอนเซอร์ และ รายได้อื่น ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีการประกาศก่อนที่ตลาดการซื้อตัวแบบ Free […]
ดราฟต์ประวัติศาสตร์ของ NBA ที่ทุกคนต้องจดจำ ไอเซย์ ออสติน

สำหรับมนุษย์บางคนนั้นอาจะมีโชคดีเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแกร่ง และ เต็มไปด้วยพละกำลังอันแสนวิเศษ จนทำให้พวกเขาเหล่านั้นคิดว่านี่มันคือพรจากสวรรค์ชั้นเบื้องบนที่ประทานลงมาให้อย่างแน่นอน แต่ว่าบางทีโชคชะตามันก็เล่นตลก เพราะยังมีนักบาสเกตบอลคนหนึ่งที่มีร่างกายอันแสนวิเศษที่ถูกประทานมาจากพระเจ้า แต่สุดท้ายแล้วร่างกายของเขากลับเป็นเหมือนกับระเบิดเวลาที่พร้อมจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ได้ทุกเมื่อ ซึ่งนักบาสที่ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมอันโหดร้ายในครั้งนี้ก็คือ ชายที่มีชื่อว่า ไอเซย์ ออสติน เรื่องราวของ ไอเซย์ ออสติน นั้นต้องย้อนกลับเมื่อสมัยที่เขาเรียนอยู่เกรด 6 ซึ่งในตอนนั้นเขาได้เล่นเบสบอลกับเด็ก ๆ ที่มีอายุมากกว่า และเขาก็รับหน้าที่เป็นคนตีลูก แต่ด้วยการที่เล่นกันของเด็ก ๆ ดังนั้นความเป็นมืออาชีพจึงไม่ต้องหวังใดๆ ทั้งสิ้น แน่นอนว่ามันไม่มีเครื่องป้องกันอะไรด้วยซ้ำ ให้กับสุดแล้วลูกบอลที่ถูกขว้างออกมาก็พุ่งเข้ากระทบเบ้าตาขวาของเขาอย่างจัง ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้นรักษาตัวจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปตัว ไอเซย์ ออสติน ก็ดูเหมือนว่าจะใช้ชีวิตแบบปกติเรื่อยมาจนกระทั่งในเกมการแข่งขันบาสในเกรด 8 ของเขา ในขณะที่เขากระโดดดังค์ เมื่อเท้าของเขาสัมผัสกับพื้น เขาก็พบว่าภาพที่เขาเห็นทุกอย่างกลายเป็นสีแดง ซึ่งสาเหตุที่มันเป็นแบบนั้นก็เนื่องมาจากบาดแผลเก่าจากการเล่นเบสบอลเมื่อสมัยเด็กนั่นเอง ซึ่งหลังจากการดังค์ครั้งนั้นทำให้จอประสาทตาของเขาฉีกขาด จนทำให้ในที่สุดตัวของ ไอเซย์ ออสติน ก็จำเป็นทีจะต้องเข้ารับการรักษาสภาพการมองเห็นและต้องผ่าตัดดวงตาโดยใช่เวลาพักฟื้นตัวมาเป็นปี ๆ เลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรเจ้าหนูคนนี้ก็ไม่ยอมแพ้ ซึ่งหลังจากที่ตัวของ ไอเซย์ ออสติน กลับมาหายดีอีกครั้ง เขาก็ค่อย ๆ ลับทักษะบาสที่ทื่อลงในตอนที่พักรักษาตัวให้กลับมาเฉียบคมเหมือนดั่งเดิมอีกครั้ง แต่ทว่าในครั้งนี้เขากลับได้รับคำเตือนจากเพทย์ว่า เขาจะต้องใส่แว่นตาเพื่อป้องกันการกระแทกไว้ตลอดเวลาที่ลงเล่นเพื่อป้องกันดวงตา […]
จากเพลย์ธรรมดาสู่วิวัฒนาการแห่งท่าไม้ตายในNBA

หากเราได้ชมบาส NBA กันบ่อยเรามักจะทราบกันดีกว่าบรรดาเหล่าผู้เล่นชั้นนำมักจะมีท่าธรรมดาที่ดูเหมือนว่าพวกเขามักจะใช้บ่อย ๆ แต่ทว่ายิ่งใช้บ่อยท่าเหล่านั้นมันยิ่งทรงประสิทธิภาพจนทำให้สุดท้ายแล้ว ท่าเหล่านั้นก็กลายเป็นท่าไม้ตายในNBA เฉพาะตัวของพวกเขาเหล่านั้นไป ซึ่งแน่นอนว่าบรรดาเหล่าท่าไม้ตายในNBAนั้นไม่ได้เพิ่งเริ่มมามีในสมัยนี้ แต่ท่าพวกนั้นมันมีมานานตั้งแต่ยุค 80 แล้วซึ่งบรรดาเหล่านักบาสชั้นนำเองก็มีท่าไม้ตายอันเป็นเอกลักษณแทบทุกคนยกตัวอย่างเช่น ท่าสกายฮุคของ คารีม อับดุล จาบาร์ หรือจะเป็น ดับเบิ้ลคลัทช์ และ เฟดอเวย์ ของ ไมเคิล จอร์แดน แต่อย่างที่เรารู้ว่าในปัจจุบันนี้เกมการแข่งในลีกนั้นค่อนข้างที่จะเปลี่ยนไปอย่างมาก จากเกมที่เน้นรับ และ แทคติก ได้เปลี่ยนกลายมาเป็นเกมที่เน้นการรุกเพื่อเอ็นเตอรเทรน์บรรดาเหล่าคนดูมากขึ้น แต่ถึงรูปเกมจะเปลี่ยนไปมากแต่สิ่งที่ไม่เคยจะเปลี่ยนเลยนั่นก็คือท่าไม้ตายในNBAแถมในยุคใหม่นี้บรรดาเหล่าท่าไม้ตายที่นักบาสหลาย ๆ คนงัดออกมามันยิ่งดูยิ่งเพลินกว่าแต่ก่อนมากเลยอีกด้วย โดยสิ่งที่เราทำให้เราได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของท่าไม้ตายในNBAนั่นก็คือรูปร่างของผู้เล่น ซึ่งเราต้องยอมรับกันเลยจริง ๆ ในช่วงยุคต้นปี 2000 นั้นจะเป็นช่วงของการใช้ผู้เล่นตัวใหญ่ ซึ่งในช่วงนั้นทีมที่ครองความยิ่งใหญ่ก็คงจะหนีไม่พ้น คู่หูสุดโหดอย่าง แชค และ โคบี้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าให้พูดถึงผู้เล่นร่างใหญ่ในยุคนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นผู้เล่นอย่าง แชค ซึ่งเพราะความรูปร่างใหญ่ของเขานี้เองแหละที่มันได้กลายเป็นท่าไม้ตายในNBAอย่างท่า ดรอปสเต็ป ซึ่งท่านี้มันจะแตกต่างกับบรรดาท่าพลิ้ว ๆ ของผู้เล่นคนอื่น ๆ เพราะว่าท่านี้มันเป็นท่าที่รุนแรง ทรงพลัง แบบสุด ๆ ไปเลย โดยท่าไม้ตายในNBAของแชคอย่าง […]
วิลท์ แชมเบอร์เลน ยอดนักรักผู้หลับนอนกับผู้หญิงมาแล้วกว่า 2 หมื่นคน

หากพูดถึงวงการกีฬาในทุก ๆวงการแล้วละก็ ในทุก ๆ กีฬานั้นล้วนแล้วแต่มีผู้เล่นที่ถูกยกยอดให้กลายเป็นผู้ที่อยู่เหนือจุดสูงสุดตลอดกาลอยู่เสมอ ซึ่งการที่อยู่ ณ จุดสูงสุดนั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของบรรดาเหล่านักกีฬา และ ในกีฬาอย่างบาสเกตบอล NBA เองก็มีหนึ่งในนักกีฬาที่ถือได้ว่ายืนอยู่ในจุดสูงสุดตลอดกาลที่แม้แต่ตัวของนักบาสรุ่นใหม่ยังไม่อาจที่จะเทียบรัศมีได้ เพราะสถิติของเขาคนนี้ตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยที่จะมีใครได้ทำลายได้เลยแม้แต่คนเดียว โดยนักบาสเกตบอลคนนั้นก็คือ วิลท์ แชมเบอร์เลน ไม่ว่าจะเป็นแฟนบาสรุ่นใหม่ รุ่นเก๋าก็ตามที เราเชื่อว่าชื่อของชายอย่าง วิลท์ แชมเบอร์เลน นั้นจะต้องกลายเป็นหนึ่งในรายที่ถุกเอ่ยถึงออกมาเป็นชื่อแรก ๆ เลยถ้าถามถึงใครที่สามารถทำสถิติการยิงต่อเกมได้มากที่ เพราะเขาคนนี้นี่แหละคือ เบอร์ 1 ตลอดกาลของการทำแต้มสูงที่สุดใน 1 เกม โดยเขาสามารถทำคนเดียวไปได้มากถึง 100 คะแนน ในเกมที่เป็นการพบกับของ ฟิลาเดลเฟีย วอร์ริเออร์ส หรือ โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส ในปัจจุบัน ต้องเจอกับ นิวยอร์ก นิกส์ ซึ่งในเกมนั้น ฟิลาเดลเฟีย วอร์ริเออร์ส สามารถเอาชนะไปด้วยคตะแน 169 – 147 ซึ่งแม้ว่าในวันนั้นผู้ชมจะไม่ได้มีมากมายนัก แต่ทว่าตัวของ วิลท์ แชมเบอร์เลน […]
เรียกชื่อผิดชีวิตเปลี่ยน เมื่อการเรียกชื่อทำให้ไนกี้เสียหายมหาศาล

ชื่อเสียงที่โด่งดังจนกลายเป็นที่พูดถึงของใครหลาย ๆ คนนั้น ถือได้ว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถการันตีได้อย่างดีอย่าง ตัวของคน ๆ นั้นประสบความสำเร็จมากแค่ไหน และแน่นอนว่าในวงการกีฬานั้นการมีชื่อเสียงดังก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยทำให้คุณมีรายได้มหาศาลไหลมาเทมาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นจากเงินค่ายเหนื่อน และ รายได้จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งนักกีฬาแต่ละคนเองก็มีเหตุผลในการพิจารณาเลือกสินค้าที่เข้ามาสปอนเซอร์ให้ตัวเองแตกต่างกัน และสำหรับผู้เล่นอย่าง สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ เองก็เช่นกัน อย่างที่หลาย ๆ บทความขจองเราเคยบอกเอาไว้ว่าตัวของ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ นั้นเติบโตมากกับการที่เขาได้เห็นคุณพ่อของเขาโลดแล่นอยู่ในเวทีอย่าง NBA มาโดยตลอด มันจึงทำให้ไม่แปลกเท่าไหร่ที่สุดท้ายเขาคนนี้ก็ตัดสินใจที่จะเลือกเส้นทางการเป็นนักบาสเช่นเดียวกับคุณพ่อของเขา และเนื่องจากการที่พี่ของ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ เป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค แถมยังพ่วงดีกรีนักบาสระดับตำนานของที่นั่นไปด้วย จึงไม่แปลกเลยที่ตัวของ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ เองก็จะเลือกเส้นทางเดินเดียวกับคุณพ่อ ถึงแม้ว่าในตอนนั้นที่อยู่ปัจจุบันเขาจะไกลจากมหาวิทยาลัยมาก ๆ ก็ตาม แต่แล้วเจ้าเด็กน้อยอย่าง สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ ในตอนนั้นก็ได้พบว่าการจะเดินตามรอยเท้าของพ่อมันไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะว่าคนนี้มี่รูปร่างที่ต่างจากคุณพ่ออยู่เยอะ เนื่องจากเขามีร่างกายที่ผอมบาง ในขณะเดียวกันตัวของคุณพ่อของเขากลับมีรูปร่างใหญ่ และ ดูแข็งแกร่งกว่า ซึ่งก็เพราะไอ้รูปร่างนี้เองนี่แหละที่ทำให้มหาลัยดังที่ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ หวังไว้กลับไม่เชื่อใจและส่งจดหมายให้มาทดสอบฝีมือ และด้วยเหตุผลนี้นี่เองที่ทำให้ตัวของ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ […]
เมื่อชื่อเสียงของนักบาสNBAที่ไม่ได้จบแค่ในสนาม

แม้ว่าการเป็นนักกีฬาจะสามารถทำรายได้จากการลงแข่งขันแต่ละนัดได้อย่างมามหาศาลก็ตาม แต่สำหรับแฟน ๆ กีฬา รวมถึงตัวผู้เล่นเองก็น่าจะเข้าใจกันนี้ว่าสำหรับวงการกีฬาแล้วมันไม่มีคำว่าตลอดไป เพราะว่ากีฬาแต่ละประเภทนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ร่างกายอย่างหนักในการเล่นจึงทำให้เมื่อร่างกายของหลาย ๆ คนแก่ตัวลงพวกเขาเองก็ไม่สามารถที่จะเล่นกีฬาชนิดนั้น ๆ ได้ และบรรดาเหล่านักบาสNBAก็มาอาจจะหลีกหนีชะตากรรมเหล่านี้ได้พ้นเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นนักบาสNBAหลาย ๆ คนเองความฝันของเขาก็ไม่ได้หมดเพียงแค่ในสนามเท่านั้น เพราะว่าเขามีความฝันอีกหลาย ๆ อย่างที่อยากทำเพียงแต่ว่าเมื่อเขาต้องเล่นอยู่ในลีกอาชีพนั้นทำให้เขาไม่มีเวลาที่จะไปสานฝันด้านอื่น ๆ จึงทำให้หลังจากที่พวกเขารีไทร์ออกจากวงการไปแล้ว มันจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงได้เริ่มทำในสิ่งที่ตัวเองทำมาโดยตลอด มันจึงทำให้ในวันนี้เราจะขอพาทุก ๆ ไปพบกับเรื่องราวของเหล่านักบาสNBA ที่แม้ว่าพวกเขาจะลาวงการไปแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังคงเดินทางฝันกันอย่างต่อเนื่อง แต่ก่อนที่จะเริ่มอ่านบทความนี้ เรยังเคยทำเรื่องราวต่าง ๆ ของพวกเขาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งคุณสามารถที่จะย้อนกลับไปอ่านในบทความเก่า ๆ ของเราได้ ส่วนในครั้งนี้จะมีใครบ้างที่เดินตามฝันของตัวเอง เอาเป็นว่า เราไปเริ่มชมกันเลย สำหรับนักบาสNBAคนแรกที่ความฝันไม่ได้หมดเพียงแค่ในสนาม เขาคนนี้ก็คือ ดาร์โก มิลิซิซ ชายผู่ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ NBA กับ ดีทรอยท์ พิสตันส โดยเขาคนนี้ถูกทีมดราฟต์เข้ามาเป็นอันดับที่ 2 ในปี 2003 และยังเป็นปีเดียวกับที่ ราชาแห่งวงการบาสในปัจจุบันอย่าง เลบรอน เจมส์ อีกด้วย และด้วยความสูงของเขามี่มีถึง 7 […]
ดีทรอยต์ พิสตันส์ กับยุคสมัยแห่งตัวร้าย

ในหนัง หรือ ในการ์ตูนต่าง ๆ สิ่งที่เป็นสัจจะธรรมและมักจะถูกพร่ำบอกเสมอมานั่งก็คือ สัจจะธรรมอย่าง ธรรมะ ย่อมชนะอธรรมเสอม หากแต่ว่าในชีวิตจริงเรื่องราวเหล่านั้นบางทีมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไป ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของบาสเกตบอล NBAในช่วงปีปลายปี 1980 ซึ่งในตอนนั้นทีมที่เปรียบเสมือนกับตัวร้ายในละครได้ปรากฏตัวขึ้น และ ครองควงามยิ่งใหญ่เถลิงสู่บังลังก์แชมป์ โดยทีมที่ว่านั้นก็คือ ทีมอย่าง ดีทรอยต์ พิสตันส์ จุดเริ่มต้นของการที่ทำให้ทีมอย่าง ดีทรอยต์ พิสตันส์ เริ่มครองอำนาจนั้นเราต้องขอย้อนกลับไปสู่เรื่องราว ต้นกำเนิดภาพลักษณ์เหล่านี้ก่อน โดยในปี 1920 นั้น เมือง ดีทรอนต์ ถือได้ว่าเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีเม็ดเงินหมุนเวี่ยนมากที่สุดในอเมริการเนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ และ มีโรงงานผลิตรถยนต์มากมาย แถมที่เมืองแห่งนี้ยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของอเมริกาเลยอีกด้ว แต่ทว่าในปี 1950 ดีทรอยต์ ก็ต้องเจอกับวิกิฤตที่มาจากผลกระทบของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ของเมืองต่างก็ต้องหยุดชะงักลง และเพราะปัญหาที่ค่อย ๆ สะสมนี้เองที่ทำให้สุดท้ายแล้วในเมืองดีทรอยต์แห่งนี้ก็เกิดจราจลกลางเมืองขึ้น ซึ่งเพราะการก่อจราจลในครั้งนี่เองที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองกลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความรุนแรง รวมถึงมันยังกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของอาชญากรรม มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงมองกลุ่ม แบด บอย ในทีม ดีทรอยต์ พิสตันส์ ว่าเปรียบเสมือนฮีโร่ […]
การพูดจาอย่าง แทรชทอล์ค มันจะช่วยให้ทีมชนะได้ง่ายขึ้นจริงเหรอ

สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของการแข่งขันเกมกีฬานั่นก็คือ การเอาชนะกันนั่นเอง และบรรดาเหล่าทีมแต่ละทีมก็ล้วนแล้วแต่จะมีกลยุทธ์ และรูปแบบต่าง ๆ มากมายที่นำพามาเพื่อชัยชนะ แต่ทว่าบางทีแล้วเอาชนะก็ไม่ได้มาจากกลยุทธ์ของเกมเพียงอย่างเดียว แต่ว่าบางทีมันก็ยังมีวิธีทางอ้อมอย่างการพูด ซึ่งหนึ่งในการพูดที่ช่วยทางด้านจิตวิทยาในการแข่งขันได้ดีที่สุดคนจะหนีไม่พ้นการพูดอย่าง แทรชทอล์ค ซึ่ง NBA ในยุค 60 และ 70 เรามักจะไม่ค่อยได้เห็นการพูดจากระทบจิตใจอย่าง แทรชทอล์ค กันสักเท่าไหร่นัก โดยคำพูดนี้ได้ถูกยืนยันออกมาจาก เจอร์รี่ เวสต์ ชายผู้เป็นโลโก้แห่ง NBA มาจนถึงปัจจุบัน โดยเขาได้ยืนยันว่าในยุคนั้นเขามีการพูดข่มขวัญ คู่ต่อสู้แต่ไม่ได้เยอะมากเหมือนกับปัจจุบัน ดังนั้นถ้าจะให้เราพามาพูดกันจริง ๆ นั้นตัวของ แทรชทอล์ค เริ่มจะมีการถูกพูดมากขึ้นในปี 80 มาขึ้นแต่ทว่าตอนนั้นการพูดนั้นส่วนใหญ่จะมาจากอารมณ์ที่ต้องการเอาชนะ โดยในตอนนั้นเราเชื่อกันว่าผู้ที่เริ่มการพูดจากแบบนี้ขึ้นนั่นก็คือ จูเลียส เออร์วิ่ง หรือ ด็อกเตอร์ เจ จากทีม ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส ที่ตอนนั้นได้ปะทฝีปากกับ แลร์รี่ เบิร์ด ของ บอสตัน เซลติกส์ โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1984 ซึ่งประเด็นที่ทำให้เกิดการฟาดปากกันขึ้นนั้นก็คือ ประเด็นเชิงเหยียดทีมฝั่งตรงข้าม และ บอกว่าทีมตัวเองแจ๋วกว่านั่นเอง […]